“มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” ซีอีโอ Meta ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีผู้ช่วยเป็น AI และ “เจนเซ่น ฮวง” ซีอีโอ NVIDIA
พร้อมพาสำรวจศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงของ AI แบบโอเพ่นซอร์ส และการเปิดตัว AI Studio
เปิดเวทีสนทนาอย่างเป็นกันเองในงาน SIGGRAPH 2024 ระหว่าง “เจนเซ่น ฮวง” (Jensen Huang) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ NVIDIA และ “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Meta ได้พูดคุยถึงศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงของผู้ช่วย AI และ AI แบบโอเพ่นซอร์ส พร้อมการเปิดตัว AI Studio และการแลกเปลี่ยนแจ็คเก็ตหนังที่ SIGGRAPH 2024
มิสเตอร์ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Meta เปิดเผยว่า ได้เปิดตัว AI Studio ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง แบ่งปัน และค้นพบตัวละคร AI ทำให้ผู้สร้างและธุรกิจขนาดเล็กหลายล้านคนสามารถเข้าถึง AI ได้มากขึ้น เช่นเดียวกับทุกธุรกิจที่มีที่อยู่อีเมล เว็บไซต์ และบัญชีโซเชียลมีเดีย ผมคิดว่าในอนาคตทุกธุรกิจจะต้องมี AI
ทางด้านมิสเตอร์ เจนเซ่น ฮวง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ NVIDIA พูดต่อว่า ธุรกิจร้านอาหารทุกแห่งและทุกเว็บไซต์เหล่านี้ในอนาคตจะมี AI พร้อมให้เครดิตว่า "มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก" และ Meta เป็นผู้นำในด้าน AI แม้ว่าจะมีเพียงบางคนเท่านั้นที่สังเกตเห็นจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ และผมยอมรับว่า "พวกคุณทำ AI ได้อย่างน่าทึ่ง" พร้อมอ้างถึงความก้าวหน้าจาก Meta ในการมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์ โมเดลภาษา และการแปลแบบเรียลไทม์ "เราทุกคนใช้ Pytorch ซึ่งมาจาก Meta"
ลิ้งก์วีดิโอเวทีการพูดคุยของ 2 ซีอีโอระดับโลก https://www.youtube.com/watch?v=w-cmMcMZoZ4
ความสำคัญของโอเพ่นซอร์สในการพัฒนา AI
มิสเตอร์ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เน้นย้ำถึงความสำคัญของโอเพ่นซอร์สในการพัฒนา AI โดยผู้นำทางธุรกิจทั้งสองรายเน้นย้ำถึงความสำคัญของแพลตฟอร์มแบบเปิดสำหรับนวัตกรรม
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า Meta เป็นผู้นำด้าน AI อย่างรวดเร็ว โดยนำไปใช้งานได้ทั่วทั้งธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Meta AI ซึ่งใช้ใน Facebook, Instagram และ WhatsApp และ AI แบบโอเพ่นซอร์สที่ก้าวหน้าทั่วทั้งอุตสาหกรรม ล่าสุดด้วยการเปิดตัว Llama 3.1
สำหรับโมเดลโอเพ่นซอร์สแสดงถึงการลงทุนด้านเวลาและทรัพยากรการฝึกอบรมที่สำคัญ Llama เวอร์ชันที่ใหญ่ที่สุดมีพารามิเตอร์ถึง 405 พันล้านพารามิเตอร์และได้รับการฝึกบน NVIDIA H100 GPU มากกว่า 16,000 ตัว
“สิ่งหนึ่งที่ผลักดันการปรับปรุงคุณภาพก็คือ คุณมีโมเดลที่แตกต่างกันสำหรับเนื้อหาแต่ละประเภท” Zuckerberg อธิบาย
“เมื่อโมเดลมีขนาดใหญ่ขึ้นและข้อมูลที่กว้างขึ้น มันก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ผมจึงฝันถึงวันหนึ่งเหมือนกับที่คุณเกือบจะจินตนาการได้ว่า Facebook หรือ Instagram ทั้งหมดเป็นเหมือนโมเดล AI เดียวที่รวมประเภทเนื้อหาและระบบต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ด้วยกัน” มิสเตอร์มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวเสริม
มิสเตอร์มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ยังมองว่า การทำงานร่วมกันเป็นกุญแจสำคัญสู่ความก้าวหน้าที่มากขึ้น ในบล็อกโพสต์ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Zuckerberg เขียนว่าการเปิดตัว Llama 3.1 สัญญาว่าจะเป็น "จุดเปลี่ยน" ในการนำโอเพ่นซอร์สมาประยุกต์ใช้ใน AI ความก้าวหน้าเหล่านี้จะมีเครื่องมือเพิ่มมากขึ้นในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับการสร้างสรรค์เนื้อหาที่น่าสนใจและเป็นส่วนตัว เช่น อวตารดิจิทัล และสร้างโลกเสมือนจริง โดยภาพรวมของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระบบนิเวศขนาดใหญ่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์อย่างมาก อาทิเช่น การมอบผู้ช่วยดิจิทัลให้กับทุกคนบนโลก ทำให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ผ่านการโต้ตอบที่รวดเร็วและคล่องตัว
“ฉันรู้สึกเหมือนกำลังทำงานร่วมกับ WhatsApp” Huang กล่าว “ลองนึกภาพว่าฉันกำลังนั่งพิมพ์อยู่ที่นี่ และมันสร้างภาพต่าง ๆ ขึ้นมาในขณะที่ฉันกำลังทำโน่นนี่ไป ฉันกลับไปเปลี่ยนคำพูด และมันสร้างภาพอื่นขึ้นมา” มิสเตอร์มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวเสริม
วิสัยทัศน์สำหรับอนาคต
เมื่อมองไปข้างหน้า ซีอีโอทั้งสองคนได้แบ่งปันวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคต มิสเตอร์ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ได้แสดงให้เห็นถึงโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการนำ AI มารวมกับโลกแห่งความเป็นจริงผ่านแว่นตา โดยกล่าวถึงความร่วมมือของบริษัทของเขากับผู้ผลิตแว่นตา Luxotic ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงการศึกษา ความบันเทิง และการทำงานได้
ทางด้าน มิสเตอร์เจนเซ่น ฮวง เน้นย้ำว่าการโต้ตอบกับ AI มีความลื่นไหลมากขึ้นอย่างไร โดยก้าวไปไกลกว่าการโต้ตอบแบบข้อความ “AI ในปัจจุบันเป็นแบบผลัดกันเล่น คุณพูดอะไรบางอย่าง มันจะพูดอะไรบางอย่างกลับมาหาคุณ” Huang กล่าว ในอนาคต AI สามารถพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ ได้หลายทาง หรือสร้างแผนภูมิทางเลือกและจำลองผลลัพธ์ ทำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามในเวทีการสนทนาของผู้นำทั้งสอง มีบรรยากาศเป็นกันเอง มีการล้อเลียนกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับทุกสิ่งตั้งแต่แฟชั่นไปจนถึงแซนด์วิชสเต็ก และจบการสนทนาด้วยการแลกเปลี่ยนเสื้อแจ็กเก็ตหนัง โดย "มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก" ได้มอบแจ็กเก็ตหนังสีดำพร้อมฮู้ดขนาดใหญ่ให้ "เจนเซ่น ฮวง" และทางด้าน "เจนเซ่น ฮวง" มอบเสื้อแจ็กเก็ตหนังของเขาเองให้ "มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก" ซึ่งเขาได้มาจาก Lori ภรรยาของเขา เพียงเพื่อ SIGGRAPH โดยพูดเหน็บว่ามันเพิ่ง “มีอายุสองชั่วโมง” “อันนี้เป็นของคุณ” Zuckerberg พูดพร้อมรอยยิ้ม “สิ่งนี้มีค่ามากกว่าเพราะมันใช้แล้ว”