ai จะไม่แย่งงานทั้งหมด และจะไม่ทำลายอารยธรรม แต่จะช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) นั้นอยู่ในทุก ๆ ที่ และมีการพูดคุยมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่เอไอสามารถทำได้ และภัยคุกคามของเอไอ ศักยภาพของเอไอจะได้รับการตระหนักถึงในปีหน้าหรือไม่ แซส (SAS) ผู้นำด้านเอไอและการวิเคราะห์ ได้ขอให้ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญทั่วทั้งบริษัท คาดการณ์แนวโน้มและการพัฒนาธุรกิจและเทคโนโลยีที่สำคัญในแวดวงเอไอสำหรับปี 2567 และนี่คือบางส่วนที่พวกเขาคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น
ดูแนวโน้มและการคาดการณ์เพิ่มเติมได้ที่เพจรวม การคาดการณ์ด้านเอไอ ของเอสเอเอส ประจำปี 2567
ปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้างจะส่งเสริม (ไม่เข้ามาแทนที่) กลยุทธ์เอไอที่ครอบคลุม
" เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้าง ( Generative AI ) นั้นทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง ในปี 2567 องค์กรต่าง ๆ จะเปลี่ยนจากการมองปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้างในฐานะเทคโนโลยีแบบสแตนด์อะโลน มาเป็นการบูรณาการเข้ากับส่วนเสริมของกลยุทธ์เอไอเฉพาะอุตสาหกรรม โดยในด้านการธนาคารนั้น สามารถนำมาใช้สร้างข้อมูลจำลองในการทดสอบภาวะวิกฤต ( Stress Test) เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงการสูญเสีย ส่วนในด้านการดูแลสุขภาพ อาจสร้างแผนการรักษาเฉพาะบุคคลได้ สำหรับด้านการผลิต ปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้างสามารถจำลองการผลิตเพื่อค้นหาวิธีการปรับปรุงคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ การบำรุงรักษา ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และผลผลิต" - ไบรอัน แฮร์ริส ( Bryan Harris) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของแซส [หมายเหตุ: เมื่อต้นปีนี้ เอสเอเอสทุ่มเม็ดเงิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับโซลูชันอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ]
เอไอจะสร้างงาน " ในปี 2566 ผู้คนต่างกังวลว่าเอไอจะแย่งงานไป แต่ในปี 2567 การพูดคุยจะมุ่งเน้นไปที่งานที่เอไอสร้างขึ้นมา ตัวอย่างที่ชัดเจนคือวิศวกรรมที่รวดเร็ว ซึ่งเชื่อมโยงศักยภาพของโมเดลเข้ากับการใช้งานจริง โดยเอไอกำลังช่วยให้พนักงานในทุกระดับทักษะและทุกบทบาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากขึ้น และแม้ว่าการเปิดตัวเทคโนโลยีเอไอใหม่ในปี 2567 อาจทำให้ตลาดงานเกิดการหยุดชะงักในระยะสั้น แต่จะนำไปสู่การสร้างงานและบทบาทใหม่ ๆ มากมาย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ" - อูโด สกลาโว ( Udo Sglavo) รองประธานฝ่ายการวิเคราะห์ขั้นสูงของแซส
เอไอจะปรับปรุงการตลาดอย่างมีความรับผิดชอบ " ในฐานะนักการตลาด เราต้องฝึกฝนในแนวทางปฏิบัติทางการตลาดอย่างมีความรับผิดชอบ แง่มุมต่าง ๆ ของเรื่องนี้หมายถึงการตระหนักว่า เอไอนั้นไม่สมบูรณ์แบบและระมัดระวังต่ออคติที่อาจเกิดขึ้น แม้ว่าเอไอ จะมีศักยภาพในการปรับปรุงโปรแกรมการตลาดและการโฆษณา เรารู้ว่าข้อมูลและแบบจำลองที่มีอคติสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่มีอคติได้ ในการตลาดของเอสเอเอสนั้น เรากำลังดำเนินการโดยใช้การ์ดโมเดล ซึ่งเหมือนกับรายการส่วนผสมสำหรับเอไอ ไม่ว่าคุณจะสร้างหรือใช้เอไอ คุณต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบของมัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนักการตลาดทุกคนถึงสามารถตรวจสอบการ์ดโมเดลได้ แม้ว่าจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็ตาม สิ่งนี้ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าอัลกอริทึมของเรามีประสิทธิภาพและยุติธรรม โดยทำการปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น" – เจนนิเฟอร์ เชส ( Jennifer Chase) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของแซส
บริษัทด้านการเงินจะให้การยอมรับเอไอท่ามกลางยุคมืดแห่งการฉ้อโกง " แม้ผู้บริโภคจะส่งสัญญาณถึง การระมัดระวังต่อการฉ้อโกงมากขึ้น แต่มิจฉาชีพก็ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงเช่น ปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้าง และดีปเฟค ( Deepfake) เพื่อพัฒนาฝีมือในการหลอกลวง ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยข้อความฟิชชิงดูซับซ้อนยิ่งขึ้น และเว็บไซต์ลอกเลียนแบบก็ดูน่าเชื่อถืออย่างมาก มิจฉาชีพยังสามารถโคลนเสียงด้วยเสียงเพียงไม่กี่วินาที โดยใช้วิธีง่าย ๆ บนเครื่องมือออนไลน์ เรากำลังเข้าสู่ยุคมืดแห่งการฉ้อโกง ซึ่งธนาคารและสหพันธ์เครดิตยูเนียนต้องแย่งชิงเวลาที่เสียไปด้วยการรีบนำเอไอมาใช้ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้รับแรงจูงใจจากการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่กำลังผลักดันให้สถาบันเหล่านี้มีความรับผิดชอบมากขึ้นในการจัดการกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นของการหลอกลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงให้เหยื่อโอนเงิน ( APP) และกิจกรรมการฉ้อโกงอื่น ๆ" – สตู แบรดลีย์ ( Stu Bradley) รองประธานอาวุโสฝ่ายโซลูชันความเสี่ยง การฉ้อโกง และการปฏิบัติตามกฎระเบียบของแซส
เอไอเงาจะเป็นความท้าทายของซีไอโอ " ซีไอโอเคยต่อสู้กับ ' ไอทีเงา ' มาก่อนในอดีต และตอนนี้กำลังจะต้องเผชิญกับ ' เอไอเงา ' ซึ่งหมายถึงโซลูชันในองค์กรที่นำมาใช้หรือสร้างขึ้นโดยไม่ได้รับการอนุมัติหรือตรวจสอบอย่างเป็นทางการจากฝ่ายไอที พนักงานจะยังคงใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้างต่อไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้จะด้วยเจตนาที่ดีก็ตาม แต่ซีไอโอก็ต้องดิ้นรนอย่างต่อเนื่องเพื่อดูว่าจะใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้างเหล่านี้ได้มากน้อยเพียงใด และควรมีการกำหนดมาตรการป้องกันที่จำเป็นเพื่อปกป้ององค์กรของตนจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น" – เจย์ อัปเชิร์ช ( Jay Upchurch) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ ( CIO) ของแซส
การจำลองเอไอและโมเดลเอไอต่อเนื่องหลายรูปแบบจะมุ่งไปสู่ก้าวใหม่ ๆ " ขั้นตอนสำคัญถัดไปของปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้างคือการรวมข้อความ รูปภาพ และเสียงเข้าไว้ในโมเดลเดียวที่เรียกว่าเอไอต่อเนื่องหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถประมวลผลอินพุตที่หลากหลายได้พร้อมกัน นำไปสู่แอปพลิเคชันที่รับรู้บริบทมากขึ้น ซึ่งสนับสนุนการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น สามารถใช้เพื่อสร้างวัตถุ 3 มิติ สภาพแวดล้อม และข้อมูลเชิงพื้นที่ได้ ซึ่งจะมีแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้จริงในความเป็นจริงเสริม ( AR) ความเป็นจริงเสมือน ( VR) และการจำลองระบบทางกายภาพที่ซับซ้อน เช่น ฝาแฝดดิจิทัล" – มาริเนลา โปรฟี ( Marinela Profi) ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์เอไอและปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้างของแซส
ดิจิทัลทวินจะเป็นที่นิยมใช้เร็วขึ้น " เทคโนโลยีอย่างการวิเคราะห์ AI และ IoT [ อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง] ขับเคลื่อนภาคส่วนต่าง ๆ ที่สำคัญของเศรษฐกิจ ทั้งการผลิต พลังงาน และรัฐบาล พนักงานทั้งในโรงงานและฝ่ายบริหารล้วนใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลปริมาณมหาศาลให้กลายเป็นการตัดสินใจที่ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น ในปี 2567 การประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ AI และ IoT จะเร่งตัวขึ้น เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลทวิน ( digital-twin) เป็นที่นิยมใช้มากขึ้น ซึ่งวิเคราะห์เซนเซอร์และข้อมูลเชิงปฏิบัติการแบบเรียลไทม์และสร้างตัวก็อปปี้ของระบบที่ซับซ้อนอย่างโรงงาน เมืองอัจฉริยะ และโครงข่ายพลังงานขึ้น ด้วยดิจิทัลทวินนี้เอง องค์กรต่าง ๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ เพิ่มความปลอดภัย เพิ่มความน่าเชื่อถือ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้" - เจสัน แมนน์ ( Jason Mann) รองประธานฝ่าย IoT ของแซส
บริษัทประกันภัยจะใช้เอไอรับมือกับความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ " หลังจากที่ได้คาดการณ์มานานหลายทศวรรษ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้แปรเปลี่ยนจากภัยคุกคามที่ต้องจับตามาเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง ความสูญเสียของผู้ประกันตนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติทั่วโลกพุ่งทะลุ 1.3 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2565 และบรรดาบริษัทประกันภัยทั่วโลกต่างรู้สึกถึงแรงกดดัน ยกตัวอย่าง บริษัทประกันภัยในสหรัฐที่กำลังถูกตรวจสอบหลังปรับขึ้นค่าเบี้ยประกันภัยและถอนกิจการออกจากรัฐที่เผชิญภัยพิบัติอย่างหนักหน่วงอย่างแคลิฟอร์เนียและฟลอริดา ทิ้งให้ผู้บริโภคหลายสิบล้านคนต้องเคว้งคว้าง เพื่อให้อยู่รอดจากวิกฤตนี้ บรรดาบริษัทประกันภัยจะนำเอไอมาใช้มากขึ้น เพื่ออาศัยศักยภาพจากคลังข้อมูลอันมหาศาลของตนเองเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและสามารถแข่งขันได้ ซึ่งนอกเหนือจากประโยชน์ที่พวกเขาได้รับจากการกำหนดค่าเบี้ยประกันและประเมินความเสี่ยงแบบไดนามิกแล้ว เอไอยังช่วยให้พวกเขาสามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติ และยกระดับการประมวลผลการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน การตรวจจับการฉ้อโกง การบริการลูกค้า และอื่น ๆ อีกมากมายด้วย" - ทรอย เฮนส์ ( Troy Haines) รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยความเสี่ยงและโซลูชันเชิงปริมาณของแซส
รัฐบาลจะมองเห็นความสำคัญของเอไอมากขึ้น " รัฐบาลจะเริ่มสัมผัสได้ถึงผลกระทบของเอไอที่มีต่อแรงงาน โดยรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ได้ประสบกับความยากลำบากในการดึงดูดและรักษาผู้มีความสามารถด้านเอไอ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญต้องการเงินเดือนสูง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะเฟ้นหาผู้เชี่ยวชาญอย่างจริงจังเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านกฎระเบียบ และเช่นเดียวกับองค์กรต่าง ๆ รัฐบาลจะหันมาพึ่งพาเอไอและการวิเคราะห์มากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เปลี่ยนแปลงแรงงานคนเป็นระบบอัตโนมัติ และลดการขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถ" - เรกจี ทาวน์เซนด์ ( Reggie Townsend) รองประธานฝ่ายหลักปฏิบัติด้านจริยธรรมข้อมูลของแซส
ปัญญาประดิษฐ์รู้สร้างจะช่วยส่งเสริมการดูแลผู้ป่วย " เพื่อยกระดับสุขภาพ รวมถึงประสบการณ์ของผู้ป่วยและสมาชิก องค์กรต่าง ๆ จะพัฒนาเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วยพลังปัญญาประดิษฐ์รู้สร้างให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในปี 2567 สำหรับการแพทย์เฉพาะบุคคล เช่น การสร้างอวาตาร์ ( avatar) เฉพาะของผู้ป่วยเพื่อใช้สำหรับการทดสอบทางคลินิก และการออกแบบแผนการรักษารายบุคคล นอกจากนี้ เราจะได้เห็นการเกิดขึ้นของระบบที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์รู้สร้าง เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก มอบคำชี้แนะแบบเรียลไทม์ให้กับระบบประกันสุขภาพ ผู้ให้บริการ และองค์กรเภสัชกรรมต่าง ๆ" - สตีฟ เคียร์นีย์ ( Steve Kearney) ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ระดับโลกของแซส
การนำเอไอมาใช้จะเข้ามาชี้ชะตาบริษัทประกันภัย " ในปี 2567 หนึ่งในบริษัทประกันภัย 100 อันดับแรกของโลกจะต้องปิดกิจการอันเป็นผลมาจากการใช้งานปัญญาประดิษฐ์รู้สร้างที่รวดเร็วเกินไป ตอนนี้บรรดาบริษัทประกันภัยต่างเปิดตัวระบบอัตโนมัติด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับโมเดลธุรกิจของตนเอง พวกเขาคาดหวังว่าการใช้เอไอเพื่อจัดการกับข้อเรียกร้องอย่างรวดเร็วจะช่วยชดเชยผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ย่ำแย่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่หลังจากการเลิกจ้างในปี 2566 พนักงานที่ยังหลงเหลือมีน้อยเกินกว่าจะกำกับดูแลที่จำเป็นในการปรับใช้เอไออย่างมีจริยธรรมและในวงกว้าง ความเชื่อที่ว่าเอไอคือทางออกของทุกสิ่งจะกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจทางธุรกิจที่ผิดพลาดนับหมื่นครั้ง อันจะนำมาซึ่งการล่มสลายขององค์กร ซึ่งอาจสร้างความเสียหายเกินแก้ไขต่อความไว้วางใจของลูกค้าและหน่วยงานกำกับดูแล" - แฟรงคลิน แมนเชสเตอร์ ( Franklin Manchester) ที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ประกันภัยระดับโลกของแซส
สาธารณสุขจะได้รับการสนับสนุนด้านเอไอจากภาควิชาการ " วงการสาธารณสุขกำลังยกระดับเทคโนโลยีให้ทันสมัยในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะในเรื่องการใช้ยาเกินขนาดหรือการเฝ้าระวังไข้หวัด การใช้ข้อมูลเพื่อคาดการณ์การแทรกแซงด้านสาธารณสุขถือเป็นสิ่งสำคัญ การคาดการณ์และการสร้างแบบจำลองกำลังกลายเป็นรากฐานสำคัญของงานด้านสาธารณสุขอย่างรวดเร็ว แต่รัฐบาลจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ เมื่อพิจารณาจากภาควิชาการแล้ว เราจะเห็นได้ว่า นักวิจัยทางวิชาการที่ดำเนินการสร้างแบบจำลองและการคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอในนามของรัฐบาลมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เป็นที่ชัดเจนว่า หลังวิกฤตโควิด- 19 การปกป้องประชากรของเราจะต้องอาศัยเทคโนโลยีและความร่วมมือที่ยอดเยี่ยม" - ดร. เมแกน แชฟเฟอร์ ( Dr. Meghan Schaeffer) ที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขและนักระบาดวิทยาแห่งชาติของแซส
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ขอเชิญชวนทุกท่านพูดคุยกับเหล่าผู้บริหารของแซสเกี่ยวกับการคาดการณ์ พร้อมสำรวจความก้าวหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเอไอและการวิเคราะห์ได้ในฤดูใบไม้ผลินี้ พบปะกับเหล่าผู้นำธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ได้ที่งานแซส อินโนเวต ( SAS Innovate) ในวันที่ 16-19 เมษายน 2567 ที่ลาสเวกัส ลงทะเบียนได้แล้ววันนี้ เพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการประชุมและราคาล่วงหน้า