FE Series โฉมใหม่! มัดรวมดีไซน์อันโดดเด่น ทั้งกล้องถ่ายภาพและคุณภาพเสียงที่ล้ำสมัยมาพร้อมกับประสิทธิภาพอันทรงพลัง
ซัมซุงเปิดตัวต้อนรับสมาชิกใหม่ FE Series ทั้ง Galaxy S23 FE, Galaxy Tab S9 FE ,S9 FE+ และ Galaxy Buds FE โดยแต่ละรุ่นโดดเด่นด้วยดีไซน์และความทนทานพร้อมทั้งประสิทธิภาพการใช้งานขั้นสูง ความสามารถของกล้องและระบบเสียงที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และอื่นๆ อีกมากมาย รุ่นนี้จึงเป็น FE Series ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหมาะมากสำหรับที่จะเป็นก้าวแรกสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับประสบการณ์ของ Galaxy ระดับพรีเมียม และยังไม่พอซัมซุงเปิดตัว Galaxy SmartTag2 ซึ่ง SmartTag ให้การติดตามสิ่งของมีค่าต่างๆ ได้ด้วยวิธีการใหม่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ซัมซุงมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมระดับโลกให้ทุกคนได้สัมผัสผ่านประสบการณ์บนมือถือที่ยอดเยี่ยมและเข้ากันกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และ FE Series รุ่นใหม่ของเราอัดแน่นด้วยความสามารถระดับพรีเมียมที่ทุกคนจะชื่นชอบ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้กาแล็คซี่ได้ปล่อยความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งจากตัวของอุปกรณ์เองและยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบอีโคซิสเต็มที่เชื่อมต่อถึงกัน” ทีเอ็ม โรห์ ประธานธุรกิจโมบายล์ เอ็กซีพีเรียนซ์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าว
Galaxy S23 FE: ดีไซน์อันโดดเด่นของ Galaxy S Series กล้องถ่ายภาพระดับโปร
และประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ลื่นไหล ออกแบบมาเพื่อยกระดับชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน
Galaxy S23 FE ยังคงรักษาการดีไซน์อันโดดเด่นของ S Series ด้วยกล้องแบบลอยตัว (Floating Camera) และผิววัสดุสุดพรีเมียมที่ได้รับการปกป้องด้วยมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 เพื่อให้หน้าจอดูทันสมัยยิ่งขึ้น อีกทั้งยังใช้วัสดุทั้งในส่วนของตัวเครื่องและบรรจุภัณฑ์ที่มาจากการรีไซเคิล ทำให้ได้ทั้งความทนทานและยังคงความสวยงามที่มาพร้อมกับความยั่งยืน Galaxy S23 FE มากับสีใหม่ที่สดใสช่วยให้ผู้ใช้ได้เลือกสีที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้
มาทำให้ทุกช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตประจำวันได้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งบน Galaxy S23 FE ด้วยฟีเจอร์กล้องระดับมือโปรที่ช่วยให้เก็บภาพถ่ายและวิดีโอที่น่าประทับใจ เห็นรายละเอียดที่คมชัดด้วยกล้องหลักความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซลซูมแบบออพติคัล 3 เท่า และซูมแบบดิจิตอลสูงสุด 30 เท่า หรือเมื่อถ่ายท่ามกลางความมืดด้วยฟีเจอร์ Nightographyบน Galaxy S23 FE ยังช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่และภาพบุคคลได้คมชัดสีสันที่สมจริง นอกจากนี้ยังมีระบบลดการสั่นไหวแบบดิจิทัลขั้นสูงสำหรับการถ่ายวีดีโอ (VDIS) และช่วยให้ถ่ายวีดีโอได้นิ่งถึงแม้ว่าจะถ่ายขณะกำลังเดิน หรือใช้กล้องหลังที่มีระบบช่วยลดการสั่นไหวแบบออพติคัล (OIS) ช่วยในการถ่ายวิดีโอต่างๆได้
เมื่อต้องการสร้างสรรค์คอนเทนต์สุดปังพร้อมให้เพื่อนๆได้แชร์ออกไปได้ชมกัน Galaxy S23 FE ก็ทำหน้าที่เป็นสตูดิโอที่สามารถพกพาได้ ทั้งการควบคุมกล้องในโหมด Pro ช่วยให้เลือกปรับตั้งค่าความไวชัตเตอร์ รูรับแสง ค่า ISO และอื่นๆ ได้เองตามความต้องการ นอกจากนี้ยังถ่ายช็อตสวยๆ ในรูปแบบของตัวเองได้ด้วยแอปฯ Camera Assistant และเลือกได้ว่าจะใช้ฟีเจอร์อัตโนมัติแบบไหนเพื่อประสบการณ์การถ่ายภาพแบบเฉพาะตัวได้อย่างเต็มที่ นอกจากอิสระในการสร้างสรรค์และการปรับแต่งตามความต้องการแล้ว Galaxy S23 FE มีเครื่องมือแก้ไขภาพที่ใช้ระบบ AI มาเพื่อช่วยยกระดับผลงานสร้างสรรค์ได้อีกด้วย
สำหรับการเล่นเกมและสตรีมมิ่งแล้ว หน่วยประมวลผลที่ทรงพลังของ Galaxy S23 FE ทำให้ทุกความเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างรวดเร็วและนุ่มนวลด้วยระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ที่คอยควบคุมความร้อนและรักษาประสิทธิภาพไว้อย่างต่อเนื่อง แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ให้ระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น สามารถปรับการทำงานเพื่อประหยัดพลังงานได้เอง และชาร์จถึงระดับ 50% ได้ในเวลาเพียง 30 นาทีโดยใช้หัวชาร์จ 25 W ทั้งหมดนี้แสดงผลบนหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.4 นิ้ว ที่ทั้งสว่างและแสดงผลได้อย่างไหลลื่นเหนือระดับ นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยี Vision Booster ใน Galaxy S23 FE ยังตรวจจับสภาพแสงที่สว่างจ้าได้โดยอัตโนมัติ จึงคงความสดใสของหน้าจอได้ตามสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกันกับอุปกรณ์ระดับแฟล็กชิพรุ่นต่างๆ
Galaxy S23 FE Series วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 22,900 บาท ในสีสันโดดเด่นทันสมัย มีให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ Mint, Cream, Graphite และ Purple นอกจากนี้ซัมซุงยังมีสีพิเศษอย่าง Indigo และ Tangerine สำหรับสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ samsung.com เท่านั้น
Galaxy Tab S9 FE และ S9 FE+ เต็มตากับหน้าจอขนาดใหญ่ ทนทานด้วยมาตรฐาน IP68 และเปิดโลกความคิดสร้างสรรค์และการทำงานให้เป็นไปได้มากยิ่งขึ้นด้วย S Pen
เมื่อใดก็ตามที่แรงบันดาลใจมาถึง Galaxy Tab S9 FE และ S9 FE+ ก็พร้อมให้ได้เพลิดเพลินไปกับความบันเทิงที่โดนใจและปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์หรือการทำงานอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ Galaxy Tab S Series ด้วยอุปกรณ์พกพาอันทรงพลังที่มีให้เลือกได้ถึง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ผู้ประกอบการ นักเรียน นักศึกษาที่ต้องใช้งานหลากหลายฟีเจอร์ และรวมไปถึงศิลปินหรือเกมเมอร์ ฯลฯ ทุกคนสามารถทำในสิ่งที่รักพร้อมกับทำงานที่ต้องทำให้เสร็จได้ด้วยอุปกรณ์ที่เร็วแรงขึ้นและยิ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เมื่อเทียบกับ FE Series รุ่นก่อน
การตอบสนองที่ดีและได้ดื่มด่ำกับความสมจริงในการรับชมรวมถึงการสร้างสรรค์สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ในสวนสาธารณะ บนหน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว ของ Galaxy Tab S9 FE และ 12.4 นิ้วจอง Tab S9 FE+ มีการปรับอัตรารีเฟรชเรทหน้าจอให้เหมาะสมได้อัตโนมัติจนถึงระดับสูงสุดที่ 90Hz เมื่อต้องอยู่กลางแจ้งก็สามารถใช้งานได้ด้วย Vision Booster ที่ช่วยทำให้มองเห็นการแสดงผลบนหน้าจอได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นในสภาพแวดล้อมกลางแจ้งด้วยการปรับสีและคอนทราสต์ให้เหมาะสมกับทุกสภาพแสงโดยเฉพาะในพื้นที่มืดของหน้าจอ ทั้ง Tab S9 FE และ Tab S9 FE+ ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับ IP68 เช่นเดียวกับ Galaxy Tab S9 Series ใหม่ล่าสุด จึงให้ความทนทานที่ดีเยี่ยมใช้งานได้อย่างไร้กังวลทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ด้วยแบตเตอรี่ของ Tab S9 FE+ ใช้งานได้ยาวนาน โดยสามารถรับชมวิดีโอยาวต่อเนื่องสูงสุดถึง 20 ชั่วโมง จากการชาร์จเพียงครั้งเดียว ไม่ทำให้ต้องติดกับสายชาร์จตลอดเวลาทั้งตลอดการทำงานหรือเล่นได้อย่างเพลิดเพลินกันยาวๆ
การสร้างสรรค์ไอเดียและจดบันทึกต่างๆ กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ด้วย S Pen มาตรฐาน IP68 ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Galaxy Tab S9 Series นอกจากนี้ Tab S9 FE และ Tab S9 FE+ ยังมาพร้อมกับเครื่องมือและแอปพลิเคชั่นสร้างสรรค์หลากหลายตัวที่เป็นแอปฯ โปรดของแฟนๆ เช่น Goodnotes, LumaFusion, Clip Studio Paint และอื่นๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังเก็บบันทึกข้อมูลต่างๆ ทั้งจากห้องเรียน, ภาพสเก็ตช์, วิดีโอ ฯลฯ ได้อย่างง่ายด้วยเนื้อที่จัดเก็บที่ความจุขึ้นถึง 2 เท่า และยังสามารถอัพเกรดให้ความจุมาถึง 1TB ได้ด้วย microSD
Galaxy Tab S9 FE Series วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 16,990 บาท ในโทนสีแฟชั่นที่มีให้เลือกถึง 3 สีด้วยกัน ได้แก่ Mint, Gray และ Lavender
Galaxy Buds FE: คุณภาพเสียงที่เหนือชั้น ANC ทรงพลัง และดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์
พร้อมขยับขยายประสบการณ์เสียงที่ดีเยี่ยมสู่ผู้ใช้ในวงกว้างมากขึ้น
Galaxy Buds FE นำประสบการณ์เสียงชั้นนำของซัมซุงสู่ผู้ใช้มากขึ้น เสียงเบสอันทรงพลังให้เสียงที่ทุ้มลึกเต็มอารมณ์ช่วยให้ได้เพลิดเพลินกับดนตรีในแบบที่ศิลปินตั้งใจ ในขณะที่ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) และระบบเสียงรอบข้างช่วยให้ได้ยินในสิ่งที่รักได้มากขึ้นและตัดทอนสิ่งที่ไม่ชอบให้ลดน้อยลง นอกจากนี้ยังมีสามารถตรวจจับคลื่นเสียงเฉพาะบุคคลด้วยระบบไมโครโฟน 3 ตัวที่มีระบบ AI พร้อมด้วย Deep Neural Network – DNN ที่จะช่วยแยกเสียงของผู้ใช้งานออกจากเสียงรบกวนรอบข้างที่ไม่ต้องการเพื่อการโทรที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
Galaxy Buds FE โดดเด่นด้วยระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดใน Buds Series โดยตัวหูฟังสามารถใช้เปิดฟังได้นานถึง 8.5 ชั่วโมง และรวมระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 30 ชั่วโมงในการใช้ร่วมกับเคสชาร์จหูฟัง แม้แต่ใช้งานในโหมด ANC ก็สามารถใช้เปิดฟังได้นานถึง 6 ชั่วโมงจากตัวหูฟัง และรวมระยะเวลาสูงสุดถึง 21 ชั่วโมงในการใช้ร่วมกับเคสชาร์จ Galaxy Buds FE ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบที่มีดีไซน์อันโดดเด่นและถูกตามหลักสรีศาสตร์จึงให้ความสะดวกสะบายจนสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังปรับให้มีความพอดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้แต่ละบุคคลได้ด้วยจุกหูฟังที่มีให้เลือกใช้ถึง 3 ขนาดและก้านกระชับหูแบบ Wingtip อีก 2 ขนาด
Galaxy Buds FE วางจำหน่ายในราคา 3,390 บาท มาด้วยกัน 2 สี ที่สวยโดดเด่น ได้แก่ Graphite และ White วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ผ่านช่องทางออนไลน์ บนเว็บไซต์ samsung.com และ Samsung Official Store บน Shopee และ Lazada หรือหน้าร้านที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ
และพิเศษสุดๆ! สำหรับ Galaxy Buds FE ลดทันที 30% เมื่อซื้อพร้อมมือถือซัมซุงที่ร่วมรายการ (S23 series/S23FE/Fold5/Flip5/S22 series/TAB S series/A54/A34) เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. – 5 พ.ย. 2566
Galaxy SmartTag2 : ให้การติดตามของมีค่าทำได้ด้วยวิธีที่ฉลาดล้ำยิ่งกว่า
ซัมซุงเปิดตัว Galaxy SmartTag2 ใหม่ ที่ช่วยให้สามารถติดตามสิ่งของมีค่าต่างๆ ได้ด้วยวิธีการใหม่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมโดยได้พัฒนาขึ้นทั้งในด้านการออกแบบและการใช้งานยังช่วยสร้างสรรค์บริบทการใช้งานให้กับอุปกรณ์นี้ได้มากมายยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยโหมดใหม่ล่าสุด โหมดของหาย (Lost Mode) ที่ช่วยให้ใครก็ตามที่พบสิ่งของที่ติด Galaxy SmartTag2 เอาไว้สามารถใช้สมาร์ทโฟนของตนเองสแกนที่แท็กนั้น และจะเห็นข้อความของเจ้าของพร้อมด้วยข้อมูลติดต่อและแอป SmartThings Find ก็ได้รับการอัปเกรดขึ้นด้วยเช่นกัน Galaxy SmartTag2 สามารถใช้งานได้นานกว่าที่เคยกับโหมดประหยัดพลังงานแบบใหม่ ที่อยู่ได้นานสูงสุดถึง 500 วัน ซึ่งนานกว่า Galaxy SmartTag รุ่นก่อนๆ กว่า 2 เท่า
ยิ่งไปกว่านั้น Galaxy SmartTag2 มาพร้อมดีไซน์สวยทันสมัย เข้ากับสภาพแวดล้อมได้มากขึ้นและมอบการใช้งานในหลากหลายบริบทยิ่งกว่าเดิม ด้วยขนาดใหม่ที่เล็กกระทัดรัดและดีไซน์รูปวงแหวนที่ทั้งทนทานและยืดหยุ่นในการใช้งาน Galaxy SmartTag2 ยังทำงานร่วมกันกับ SmartThings Station ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SmartThings Find โดยเป็นเครื่องสแกนหาอุปกรณ์แบบประจำที่อยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของส่วนตัว เช่น รีโมททีวี กระเป๋าสตางค์ กุญแจ ตลอดจนอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต นาฬิกา และหูฟัง ผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงก็จะได้รับการแจ้งเตือนด้วยเช่นกันเมื่อปลอกคอที่ติดแท็กเอาไว้เคลื่อนที่ห่างออกจาก SmartThings Station มากเกินไป ซึ่งมีส่วนในการคุมเจ้าเพื่อนขนปุกปุยให้อยู่ในระยะใกล้ๆ บ้านได้อย่างสะดวกสบาย
Galaxy SmartTag2 จำหน่ายในราคา 990 บาท และมี Promotion ซื้อ 2 ชิ้นในราคา 1,490 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2566
ระบบอีโคซิสเต็มของกาแล็คซี่ที่เชื่อมต่อถึงกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร้รอยต่อ
อุปกรณ์จาก FE Series ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ของการเชื่อมต่อถึงกันด้วยระบบอีโคซิสเต็มของกาแล็คซี่อย่างเต็มพลังได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยประสิทธิภาพด้านการใช้งานที่ง่ายด้วย Multi Control ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถลากและวางคอนเทนต์ระหว่างอุปกรณ์กาแล็คซี่ต่างเครื่องได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะคัดลอกและวางคอนเทนต์ หรือลากและวางระหว่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เมื่อเกิดความคิดสร้างสรรค์หรือไอเดียใหม่ๆ ผุดขึ้นมาก็สามารถโอนวิดีโอหรือภาพจากสมาร์ทโฟนไปยังแท็บเล็ตได้ด้วย Quick Share เพื่อนำไปแก้ไขต่อได้ง่ายยิ่งขึ้น
เมื่อถึงเวลาสำหรับความบันเทิงที่จะได้ดื่มด่ำกับความสมจริง Galaxy Buds FE ก็เป็นเพื่อนคู่หูที่สมบูรณ์แบบ โดยที่ Auto Switch จะสลับเสียงอัตโนมัติระหว่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตและแม้แต่นาฬิกาและการรับชมทีวีก็ทำได้อย่างชาญฉลาดตามการใช้งานของผู้ใช้โดยไม่ต้องคอยสลับปรับเปลี่ยนเอง นอกจากนี้ SmartThings Find ยังช่วยให้ติดตามค้นหา Buds ที่ถูกวางไว้ไม่เป็นที่ และยังให้ส่งเสียงแจ้งเตือนได้หากมันอาจจะถูกลืมทิ้งเอาไว้
อุปกรณ์ทั้งหมดเหล่านี้ ตลอดจนความสามารถในการเชื่อมต่อถึงกันถือเป็นความมุ่งมั่นของซัมซุง ในการมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว การที่ Galaxy S23 FE และ Galaxy Tab S9 FE Series มี Samsung Knox ให้การปกป้องอยู่เบื้องหลัง จึงทำให้ข้อมูลส่วนตัวได้รับการจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัวด้วยค่าตั้งต้นของอุปกรณ์
สร้างสรรค์ขึ้นอย่างใส่ใจเพื่อโลกของเรา
ด้วยอุปกรณ์ FE รุ่นใหม่ล่าสุด ซัมซุงได้พัฒนาความมุ่งมั่นต่อสิ่งแวดล้อมโดยการขยับขยายการใช้นวัตกรรมใหม่ล่าสุดตามจุดมุ่งหมายทั้งระบบอีโคซิสเต็ม
Galaxy S23 FE มีการใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างหลากหลาย ซึ่งพบได้ทั้งในส่วนประกอบภายในและภายนอกของตัวเครื่อง ทั้งอลูมิเนียมและแก้วรีไซเคิลจากเศษวัสดุที่เหลือทิ้งจากขั้นตอนผลิต และพลาสติกรีไซเคิลจากอวนประมงที่ถูกทิ้งเป็นขยะและถังน้ำและขวด PET ที่ผ่านการใช้งานแล้ว
Galaxy Tab S9 FE ก็มีส่วนประกอบจากวัสดุรีไซเคิลด้วยเช่นกัน โดยมีส่วนประกอบภายในและภายนอกบางชิ้น ที่ใช้อลูมิเนียมรีไซเคิลจากเศษวัสดุเหลือทิ้งจากขั้นตอนผลิตและพลาสติกรีไซเคิลจากวัสดุที่ผ่านการใช้งานแล้ว
Galaxy S23 FE และ Galaxy Tab S9 FE Series ใหม่ได้รับการออกแบบเพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยรองรับการอัพเกรดระบบปฏิบัติการถึง 4 รุ่นและการอัพเดทความปลอดภัยถึง 5 ปี นอกจากนี้ผู้ใช้ยังอาจยืดอายุการใช้งานให้ยิ่งยืนยาวขึ้นได้ด้วยโปรแกรมต่างๆ เช่น Samsung Care+ ประกันจอแตก และ อุบัติเหตุ
การสนับสนุนผลกระทบเชิงบวกที่ดีต่อโลกไม่ได้หยุดอยู่ที่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเท่านั้น Galaxy Buds FE ก็มีการนำเอาพลาสติกรีไซเคิลที่ได้จากอวนประมงที่ถูกทิ้งเป็นขยะและถังน้ำที่ผ่านการใช้งานแล้วมาผสานใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยเช่นกัน
การวางจำหน่าย
Galaxy S23 FE จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ส่วน Galaxy Tab S9 FE Series และ Buds FE เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Galaxy S23 FE ได้ที่ https://smsng.store/galaxy-s23-fe
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Galaxy Tab S9 FE Series ได้ที่ www.samsung.com/galaxy-tab
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Galaxy Buds FE ได้ที่ www.samsung.com/galaxy-buds/
Tags:
Android
earbuds
Galaxy Buds FE
Galaxy S23 FE
Galaxy SmartTag2
Galaxy Tab S9 FE
oneUI
Samsung
smartphone
tws