NETA ชื่นชมนโยบายภาครัฐของไทยกระตุ้นตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าปีนี้เติบโตกว่า 500 % เตรียมเปิดสายพานการผลิต NETA V จากโรงงานในไทยต้นปีหน้า พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ NETA หลากหลายรุ่นในงาน Motor Expo ปลายปีนี้
มร.เป่า จ้วงเฟย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่ามาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของรัฐบาลไทยเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมาตรการดังกล่าวนอกจากจะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนภาคการลงทุนที่ทำให้เกิดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้สามารถพัฒนาเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ประกอบกับเทคโนโลยีของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ให้ระยะทางในการขับขี่ที่รองรับกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และเห็นถึงความคุ้มค่าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม จึงสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ยอดจดทะเบียนรวมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี 2565 ที่ผ่านมามีเพียง 9,580 คัน ในขณะยอดจดทะเบียนรวม ณ ปัจจุบันของปีนี้สูงถึง 49,997 คัน (มกราคม – กันยายน 2566) โดย NETA ตั้งเป้าการขายปีนี้ไว้ที่ 13,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 20% จากภาพรวมของตลาดที่คาดว่าน่าจะสูงกว่า 60,000 คัน
มร.เป่า กล่าวเสริมถึงความคืบหน้าแผนงานตั้งโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า NETA ในประเทศไทยเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเมืองไทยและอาเซียนว่ามีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80 % ทั้งในด้านโครงสร้างอาคาร เครื่องจักรสำหรับการไลน์การผลิต รวมไปถึงบุคลากร ในขณะที่ชิ้นส่วนการผลิตที่สำคัญของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะแบตเตอรี่ ได้รับการรับรองคุณภาพและผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะสามารถเริ่มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ NETA เริ่มจากรุ่น NETA V เป็นรุ่นแรกได้ในภายในต้นปี 2567 นี้
“การสร้างโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ NETA ในประเทศไทยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของแผนงานระดับสากลของ NETA เพื่อเป็นรากฐานที่ต่อยอดไปยังการพัฒนาส่วนงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกของเรา ซึ่งจะไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนสร้างฐานการประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยของ NETA เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในภูมิภาคอาเซียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเสริมสร้างทักษะบุคลากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และสนับสนุนให้ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยในฐานะผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น” มร.เป่า จ้วงเฟย กล่าว