ตั้งเป้าขยายพอร์ตโฟลิโอด้วยการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจสู่บริการบนแพลตฟอร์ม และเร่งขยายธุรกิจ B2B รวมถึงมองหาโอกาสสร้างการเติบโตใหม่ๆ
แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประกาศวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนผ่านจุดยืนของบริษัทจากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำระดับโลก ไปสู่การเป็น “Smart Life Solutions Company” หรือบริษัทโซลูชันเพื่อชีวิตสมาร์ท ที่เชื่อมต่อและขยายประสบการณ์อย่างหลากหลายให้กับลูกค้า เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายด้านรายได้ต่อปีทั่วโลกเป็น 100 ล้านล้านวอน (ราว 2.67 ล้านล้านบาท) ให้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2573
นายวิลเลียม โช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ได้กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญที่ LG Sciencepark ในกรุงโซล เกาหลีใต้ โดยแถลงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการสร้างกลไกขับเคลื่อนการเติบโตใน 3 ด้านที่มุ่งผลักดันธุรกิจบริการบนแพลตฟอร์ม ผ่านการขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ การเร่งขยายธุรกิจ B2B รวมถึงการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า และดิจิทัลเฮลธ์ นายวิลเลียมยังชี้ว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับไฟฟ้า และการขายผลิตภัณฑ์พ่วงบริการ รวมถึงการปรับตัวไปสู่ดิจิทัล เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่แอลจีกำลังมุ่งเน้นเพื่อให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็วในระยะกลางถึงระยะยาว
“แอลจีจะเดินหน้าวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการเปลี่ยนผ่านและก้าวกระโดดไปสู่การเป็น Smart Life Solutions Company ที่เชื่อมต่อและเปิดประสบการณ์ในหลายๆ ด้านให้กับผู้บริโภค มากกว่าการเป็นแค่แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ดีที่สุดที่มีสินค้าคุณภาพเท่านั้น แต่เราจะพลิกโฉมแบรนด์แอลจีโดยคิดค้นวิธีการทำงานและการสื่อสารใหม่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้อย่างสำเร็จ” นายวิลเลียม กล่าว
นายวิลเลียม ยังย้ำถึงเป้าหมายด้านรายได้ของบริษัทว่า “เราตั้งเป้าจะบรรลุเป้าหมายแบบ Triple 7 คือ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยและกำไรจากการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 7% และมีอัตราส่วนระหว่างมูลค่ากิจการกับกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 7 เท่า หากเราสามารถเพิ่มยอดขายจาก 65 ล้านล้านวอน (ราว 1.74 ล้านล้านบาท) ในปีที่ผ่านมา ให้แตะ 100 ล้านล้านวอน (ราว 2.67 ล้านล้านบาท) ตามเป้าหมายภายในปี พ.ศ. 2573 จะทำให้แอลจีเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับทั้งในตลาดและกลุ่มผู้บริโภค”
นายวิลเลียมกล่าวด้วยว่า แอลจีจะให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านโมเดลธุรกิจไปสู่บริการบนแพลตฟอร์ม และขยายธุรกิจ B2B รวมถึงมองหากลไกขับเคลื่อนการเติบโตจากความได้เปรียบทางการแข่งขันที่มีอยู่ เพื่อเป็นเสาหลัก 3 ด้านในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า โดยคาดว่าสัดส่วนยอดขายและกำไรจากการดำเนินธุรกิจที่เกิดจากทั้ง 3 เสาหลักนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 50% ภายใน พ.ศ. 2573
บริษัทมีแผนที่จะลงทุนมากกว่า 50 ล้านล้านวอน (ราว 1.34 ล้านล้านบาท) ภายในปี พ.ศ. 2573 เพื่อสร้างการเติบโตที่มีคุณภาพสูงในธุรกิจและสร้างการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอ ด้วยการลงทุนในกลไกขับเคลื่อน 3 ด้าน ซึ่งรวมถึงการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนามากกว่า 25 ล้านล้านวอน (ราว 6.68 แสนล้านบาท) การลงทุนด้านโรงงานผลิตมากกว่า 17 ล้านล้านวอน (ราว 4.6 แสนล้านบาท) และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ 7 ล้านล้านวอน (ราว 1.87 แสนล้านบาท)
นายวิลเลียมอธิบายด้วยว่า บริษัทกำลังเร่งสร้างการเติบโตในธุรกิจ B2B โดยแอลจีมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า และมีความรู้และประสบการณ์ในการสื่อสารและทำความเข้าใจลูกค้าในกลุ่ม B2C มาอย่างยาวนาน เห็นได้จากนวัตกรรมต่างๆ ที่แอลจีพัฒนาขึ้นในช่วง 65 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแอลจีจะนำจุดแข็งเหล่านี้มาใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้ากลุ่มพาณิชย์ ยานยนต์ และเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง
นายวิลเลียมยังเน้นถึงวิธีการที่แอลจีนำมาใช้สร้างความเปลี่ยนแปลงในบริษัท นับตั้งแต่วัฒนธรรมองค์กรไปจนถึงการสื่อสารแบรนด์ในทุกด้านที่มีการติดต่อกับลูกค้า โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการเป็นแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้ามีรอยยิ้มและรู้สึกอบอุ่น ในขณะเดียวกันก็ทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงคุณค่าและสโลแกน Life’s Good ของแอลจี พร้อมกันนี้บริษัทกำลังขับเคลื่อน ESG ในกิจกรรมบริหารต่างๆ เพื่อดำเนินงานในฐานะองค์กรธุรกิจระดับโลก