ซาบรีนา เมิ่ง เน้นย้ำภารกิจร่วมกับพันธมิตร ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล หลังเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทหมุนเวียนตามวาระ


เดินหน้าเติบโตสู่อนาคตแห่งดิจิทัลไปพร้อมกัน

ปี พ.ศ. 2566 นับเป็นอีกช่วงวาระสำคัญต่อการพัฒนาและเติบโตของหัวเว่ย พร้อมกับคำถามที่ว่า “หัวเว่ยจะสร้างโอกาสของการเติบโต พัฒนาความสามารถในการรับมือกับความท้าทายจากการพัฒนาต่าง ๆ รวมไปถึงเพิ่มข้อได้เปรียบที่แตกต่างได้อย่างไรบ้าง” ภายในงานประชุม Huawei Global Analyst Summit (HAS) ประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดขึ้นในเมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน นางสาวซาบรีนา เมิ่ง ประธานกรรมการหมุนเวียนตามวาระ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ปรากฏตัวพร้อมเผยวิสัยทัศน์ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการหมุนเวียนตามวาระ

ซาบรีนา เมิ่ง เผยการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลและความท้าทายด้าน AI ภายในงานประชุมสุดยอดประจำปี ครั้งที่ 20 ของหัวเว่ย

งานประชุม Huawei Analyst Summit ครั้งที่ 20 ดึงดูดผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,000 คน ซึ่งประกอบไปด้วยนักวิเคราะห์อุตสาหกรรม นักวิเคราะห์ทางการเงิน ผู้นำทางความคิด และสื่อมวลชนจากทั่วโลก โดยนางสาวซาบรีนาได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “เดินหน้าเติบโตสู่อนาคตแห่งดิจิทัลไปพร้อมกัน” (Thriving Together for a Digital Future” พร้อมเผยว่าการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลได้นำมาซึ่งโอกาสสำหรับอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันมีรัฐบาลกว่า 170 ประเทศ ที่มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม และคาดว่าภายในปี พ.ศ. 2569 จะมีเม็ดเงินค่าใช้จ่ายในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลจากทั่วโลก ทะลุ 3.41 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

เพื่อรองรับโอกาสที่เกิดขึ้นนี้ หัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าส่งเสริมการลงทุนด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ การประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และเทคโนโลยีคลาวด์ เพื่อสร้างรากฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่ง โดยหัวเว่ยจะยังคงมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาด้านซอฟท์แวร์พื้นฐาน ควบคู่ไปกับการสำรวจโอกาสของการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อให้การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นมีประสิทธิภาพสูงสุด    

นอกจากนี้ นางสาวซาบรีนายังกล่าวเน้นถึงพันธกิจของหัวเว่ย ในการส่งมอบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่มีสถาปัตยกรรมโครงสร้างที่เรียบง่าย มีคุณภาพสูง และให้ประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าแก่ลูกค้าในราคาต่ำที่สุด โดยหัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ตลอดการเดินทางสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ระยะ ได้แก่ การปรับปรุงการดำเนินงานให้เป็นดิจิทัล การสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัล การสร้างความอัจฉริยะด้วยแพลตฟอร์ม และการใช้ประโยชน์จากความอัจฉริยะผ่านทางแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งนางสาวซาบรีนายังได้เน้นย้ำว่าถึงเวลาแล้ว ที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายจะเดินหน้าเพื่อเติบโตอย่างรุ่งเรืองสู่อนาคตแห่งดิจิทัลไปด้วยกัน

ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี

ภายในงานประชุม Huawei Analyst Summit ประจำปี พ.ศ. 2566 หัวเว่ยได้เผยถึงสาระสำคัญ 3 ประการที่กลั่นกรองมาจากประสบการณ์กว่า 10 ปีในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

ประการแรก กลยุทธ์คือหัวใจสำคัญ หัวเว่ยย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่ยังหมายถึงการวางแผนกลยุทธ์และการเลือกประยุกต์ใช้ ความสำเร็จในการเดินทางเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล จะต้องขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ที่วางแผนมาเป็นอย่างดี โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวนำพาไปสู่เป้าหมายนั้น

ประการที่สอง ข้อมูลคือรากฐานสำคัญ หัวเว่ยเน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อมูลในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ข้อมูลยิ่งมีค่าเมื่อเกิดการเคลื่อนย้ายของข้อมูลทั่วองค์กร และการควบคุมดูแลข้อมูลอย่างเป็นระบบ ยิ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อความสำเร็จของการทำการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล การบูรณาการข้อมูลจากหลาย ๆ มิติ จะยิ่งเพิ่มมูลค่าและความเข้าใจเชิงลึกให้กับองค์กร

ประการสุดท้าย ความเป็นอัจฉริยะคือจุดหมาย หัวเว่ยเผยว่าข้อมูลจะเป็นตัวนิยามคำจำกัดใหม่ของความมีประสิทธิผล การปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็นดิจิทัลและการสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลช่วยให้องค์กรสามารถล้างทำความสะอาด ร่างภาพ และรวบรวมข้อมูลเอาไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นรากฐานไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ส่วนการนำระบบอัจฉริยะมาใช้จะทำให้สามารถเรียกใช้ข้อมูลได้ทันทีตามความต้องการ ทั้งยังช่วยย่อยข้อมูลให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น และสามารถนำข้อมูลนั้นไปดำเนินการต่อได้ นับเป็นการยกระดับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลขึ้นอีกระดับ    

ทั้งสามประการนี้คือแนวคิดเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นรากฐานและแนวทางสำหรับการดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกลยุทธ์ การควบคุมดูแลข้อมูล และการนำความอัจฉริยะมาใช้เพื่อสร้างความสำเร็จให้กับการเดินทางเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลไม่ใช่ “โซลูชันเดียวแบบเหมาโหล” สำหรับทุกองค์กร

นอกจากนี้ หัวเว่ยกำลังเดินหน้าพัฒนาแนวทางที่หลากหลายในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิผลการดำเนินงาน ด้วยการจัดหาโซลูชันเฉพาะที่เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมนั้น ๆ ซึ่งหัวเว่ยและพันธมิตรได้ร่วมกันพัฒนาและกำหนดมาตรฐานสำหรับใช้ในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลมากกว่า 100 มาตรฐาน ครอบคลุมอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทซิตี้ การเงิน พลังงานไฟฟ้า ทางหลวง การบิน และสาธารณสุข เป็นต้น

ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา หัวเว่ยได้รับเลือกให้เป็นพันธมิตรด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลจากสภาเมืองต่าง ๆ กว่า 700 แห่ง และบริษัทระดับ Fortune Global 500 อีก 267 บริษัททั่วโลก ตอกย้ำถึงความครอบคลุมระดับโลก และความเชี่ยวชาญในการสนับสนุนโครงการด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลต่าง ๆ

สำหรับในประเทศไทย หัวเว่ยได้รับเลือกให้เป็นพันธมิตรด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลจาก 9 บริษัทในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรกของประเทศในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา สำหรับในปี พ.ศ. 2566 นี้ หัวเว่ยจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถของพันธมิตร และจะเดินหน้าสนับสนุนแนวทางที่จะช่วยที่ส่งเสริมการสร้างผลกำไร คุณธรรม ความโปร่งใส และความยั่งยืนให้กับพันมิตร โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ยในประเทศไทย ได้ประกาศเน้นย้ำพันธกิจของหัวเว่ยภายในงานประชุมพันธมิตรในประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2566 ว่าจะทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการเติบโตร่วมกัน และจะช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จทางธุรกิจให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน

ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของหัวเว่ยในการประสานงานร่วมกับพันธมิตรและการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเชิงบวกเพื่อสนับสนุนความตั้งใจในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในทั่วทุกมุมโลก รวมถึงในประเทศไทย 

อีโคซิสเต็มบุคลากรด้านดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล                 

ขณะที่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลกำลังเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว บุคลากรที่มีทักษะเฉพาะด้านยิ่งเป็นที่ต้องการ แรงงานทักษะสูงและความเปิดกว้างคือรากฐานของการเติบโตและพัฒนา โดยหัวเว่ยเห็นความสำคัญของการจัดหาแรงงานทักษะสูง เพื่อแก้ปัญหาความท้าทายของอุตสาหกรรมและขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศ

นางสาวซาบรีนาได้เปิดเผยถึงความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการสร้างอิโคซิสเต็มบุคลากรด้านดิจิทัลในสาขาต่าง ๆ โดยผ่านโครงการ ICT Academy โครงการประกวดแข่งขัน และโครงการ Seeds For the Future Program 2.0 เพื่อบ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล เป็นต้น โครงการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้นักเรียนได้เข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง พร้อมทั้งสร้างกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลรุ่นใหม่ให้กับอุตสาหกรรม

โครงการ Seeds for the Future ถือเป็นโครงการหลักในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ของหัวเว่ย ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 และเป็นโครงการด้าน CSR ที่สำคัญที่สุดและดำเนินการมาอย่างยาวนานที่สุด โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อบ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลในประเทศต่าง ๆ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสร้างชุมชนดิจิทัล และฝึกทักษะด้านดิจิทัลให้แก่นักศึกษาและเยาวชน 

สำหรับในประเทศไทย หัวเว่ยได้จัดตั้งโครงการ Huawei ASEAN Academy ขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตรที่ครอบคลุมทั้งการสร้างผู้นำ การฝึกทักษะ และความรู้ทั่วไป สถาบันแห่งนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลที่สอดคล้องกับแนวทางการส่งเสริมด้านดิจิทัลตามยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ทั้งนี้ หัวเว่ยมีเป้าหมายที่จะฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลจำนวน 100,000 คน ภายในระยะเวลา 5 ปี และขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการฝึกฝนผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน

พันธกิจเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการบ่มเพาะและพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น เพื่อสนองตอบความต้องการของยุคที่การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และเพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังในการขับเคลื่อนการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมและชุมชนในท้องถิ่น

อุตสาหกรรมไอซีที การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล และการพัฒนาความเป็นอัจฉริยะ กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ในเชิงเทคโนโลยี

ดร. โจว ฮอง ประธานสถาบันการวิจัยเชิงกลยุทธ์ของหัวเว่ย ได้เปิดเผยว่าในกระบวนการขับเคลื่อนเข้าสู่สังคมอัจฉริยะ ความต้องการข้อมูลอาจเพิ่มขึ้น 100 เท่า หรือ 1,000 เท่า หลาย ๆ ทฤษฎีและเทคโนโลยีในปัจจุบันไม่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อสนับสนุนการพัฒนาในอนาคตได้ “หัวเว่ยสนับสนุนนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโดยสมมติฐานทางวิทยาศาสตร์และวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ ในด้านการสื่อสาร หัวเว่ยกล้าสำรวจเงื่อนไขและสถานการณ์การใช้งานที่แตกต่าง ในด้านระบบประมวลผล หัวเว่ยสร้างความชัดเจนให้กับความหมายของปัญญาประดิษฐ์ พร้อมทั้งปรับปรุงความแม่นยำ ความสามารถในการปรับตัวให้เหมาะสม และมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม”     

สุดท้ายนี้ นางสาวซาบรีนา ได้สรุปทิ้งท้ายถึงการเดินทางเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม และด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจอย่างแรงกล้าจะทำให้เราสามารถสร้างสีสันใหม่ให้กับยุคนี้ได้ หัวเว่ยจะทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตร เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และการเติบโตสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัลแห่งอนาคตไปพร้อมกัน
ใหม่กว่า เก่ากว่า