Grab ชี้ท่องเที่ยวฟื้นตัว ดันผู้ใช้บริการเรียกรถชาวต่างชาติโต 45% เผยไทยติดโผท็อป 3 ประเทศยอดนิยมในภูมิภาค

 

แกร็บ ประเทศไทย ชี้ตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทยฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 ดันยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้น 45% พร้อมเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในกลุ่มต่างชาติผ่านการพัฒนาคุณภาพบริการเพื่อตอบโจทย์การเดินทางที่ “สะดวก ปลอดภัย ด้วยราคาที่โปร่งใส” พร้อมเผยอินไซต์นักท่องเที่ยวจากผลสำรวจของผู้ใช้บริการจาก 6 ประเทศในภูมิภาค โหวตไทยติด 1 ใน 3 ประเทศที่อยากไปมากที่สุด


นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยภายหลังจากการประกาศผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และมีการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบ เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกของตลาดท่องเที่ยวผ่านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยเดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมตลอดทั้งปีที่ผ่านมาสูงกว่าเป้าหมายที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ตั้งไว้ ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้บริการเรียกรถของแกร็บในกลุ่มชาวต่างชาติที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 45% (เปรียบเทียบจำนวนผู้ใช้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 กับไตรมาสก่อนหน้า) โดย 5 อันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันของแกร็บมากที่สุดในปีที่ผ่านมา คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์  สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม



“ในฐานะแพลตฟอร์มผู้ให้บริการเรียกรถสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก แกร็บมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอบริการการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัยและมีมาตรฐานเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้ 3 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันของแกร็บ คือ 1) ตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบาย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเรียกใช้บริการได้ง่ายและสะดวกผ่านสมาร์ทโฟน เพียงเลือกจุดหมายปลายทางที่ต้องการก็มีพาร์ทเนอร์คนขับมาให้บริการถึงที่ ทั้งยังมีฟีเจอร์แชตและแปลภาษาที่ช่วยในการสื่อสารกับพาร์ทเนอร์คนขับ 2) อุ่นใจในมาตรฐานด้านความปลอดภัย ทั้งเทคโนโลยีและมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่มาพร้อมระบบคัดกรองพาร์ทเนอร์คนขับที่เข้มข้น อาทิ การยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้าก่อนให้บริการทุกครั้ง หรือการตรวจประวัติอาชญากรรมย้อนหลังอย่างน้อย 7 ปี และ 3) มั่นใจในราคาที่โปร่งใส ด้วยระบบแสดงค่าโดยสารล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนเรียกรถ ซึ่งช่วยประกอบการตัดสินใจและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องการพกพาเงินสด ด้วยช่องทางการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย” นายวรฉัตร กล่าวเสริม



นอกจากนี้ แกร็บ ยังได้เผยเทรนด์ด้านการท่องเที่ยวที่น่าสนใจจากผลการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการแกร็บจำนวน 10,046 รายจาก 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย รวมถึงไทย  ดังนี้

  • แนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยว: กว่าครึ่งของนักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระบุว่าวางแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวภายใน 6 เดือนข้างหน้า โดย 39% ของคนกลุ่มนี้ต้องการไปเที่ยวต่างประเทศ
  • จุดหมายปลายทางยอดนิยม: ไทยถือเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่นักท่องเที่ยวอยากไปมากที่สุด เช่นเดียวกับสิงคโปร์และญี่่ปุ่น
  • รูปแบบของการเดินทางท่องเที่ยว: 84% ต้องการไปท่องเที่ยวแบบเป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ท่องเที่ยวกับครอบครัว (59%) กับคู่รัก (37%) และกลุ่มเพื่อน (31%)
  • 3 เหตุผลหลักที่ทำให้คนออกเดินทางท่องเที่ยว คือ ไปพักผ่อนหย่อนใจ (60%) ไปฉลองเทศกาลสำคัญ (33%) และ ไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน (25%) 
  • นักท่องเที่ยวโหยหาการสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่นในหลากหลายรูปแบบ โดย 3 ประสบการณ์หลักที่นักท่องเที่ยวต้องการ คือ การไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวในท้องถิ่น (54%) การลิ้มรสอาหารท้องถิ่น (51%) และ การสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น (36%)

 


รู้หรือไม่?

จากข้อมูลการใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันแกร็บของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในปี 2565 พบว่า


  • 5 เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย ได้แก่ 1) กรุงเทพฯ 2) เชียงใหม่ 3) ภูเก็ต 4) พัทยา และ 5) หาดใหญ่
  • 5 สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวต่างชาติชอบไปมากที่สุด คือ 1) ไอคอนสยาม 2) ตลาดจ๊อดแฟร์ 3) เซ็นทรัลเวิลด์ 4) ถนนข้าวสาร และ 5) สยามพารากอน
  • ระยะทางที่ไกลที่สุดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเคยใช้บริการเรียกรถผ่านแกร็บ คือ การเดินทางจากภูเก็ตไปกระบี่



ใหม่กว่า เก่ากว่า