The Walt Disney Asia Pacific เตรียมประกาศรายชื่อภาพยนตร์และ คอนเทนต์สตรีมมิ่งใหม่ล่าสุดสำหรับปี 2023

 

ดิสนีย์จับมือกับสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นชั้นนำ Kodansha ร่วมขยายแผนเชิงกลยุทธ์ เจาะตลาดผู้ชมอนิเมะ โดยเริ่มจาก ‘Tokyo Revengers: Christmas Showdown Arc’ ที่จะปล่อยให้สตรีมแบบเอ็กซ์คลูซีฟบนแพล็ตฟอร์มสตรีมมิ่งของดิสนีย์ 


งาน Disney’s Content Showcase เตรียมประกาศคอนเทนต์ใหม่กว่า 50 รายการ ทั้งภาพยนตร์และซีรีส์จาก มาร์เวล สตูดิโอส์, วอลต์ ดิสนีย์ แอนิเมชัน สตูดิโอส์, พิกซาร์, ลูคัสฟิล์ม 


รวมถึงคอนเทนต์ออริจินัลจากเอเชียแปซิฟิกบน Disney+ และ Disney+ Hotstar 


วันนี้ เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ เอเชียแปซิฟิก เตรียมประกาศรายชื่อภาพยนตร์ใหม่ล่าสุดจากสตูดิโอชั้นนำในเครือ และเปิดตัวคอนเทนต์ออริจินัลจากเอเชียแปซิฟิกที่สร้างสรรค์โดยนักเล่าเรื่องระดับโลก ในงาน Content Showcase ที่รวบรวมเหล่านักแสดง สื่อมวลชน และพาร์ทเนอร์จากทั่วโลก ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ส ประเทศสิงค์โปร์ 


ในงานครั้งนี้ ดิสนีย์เตรียมเผยภาพยนตร์และคอนเทนต์สตรีมมิ่งสำหรับปี 2023 กว่า 50 รายการ โดยมีสื่อมวลชนและพาร์ทเนอร์จากทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 400 คน นอกจากนั้น ยังมีนักแสดงและผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ออริจินัลจากเอเชียแปซิฟิก มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ทั้ง มิอิเกะ ทาคาชิ ผู้กำกับญี่ปุ่นชื่อดัง, จองแฮอิน, โกคยองพโย และคิมฮเยจุน   จากซีรีส์อาชญากรรมระทึกขวัญแนวแฟนตาซี Connect, อีดงฮวี, ฮอซังแท และผู้กำกับคังยุนซอง จาก Big Bet, ยูยะ ยากิระ, ริโฮะ โยชิโอกะ และผู้กำกับ ชินโซ คาตายามะ จากซีรีส์ดราม่าญี่ปุ่นเรื่อง Gannibal และ เชลซี อิสลัน จากซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่อินโดนีเซียเรื่องใหม่ Tira โดยมี ปีเตอร์ ซอห์น ผู้กำกับ นักสร้างแอนิเมชัน ผู้วาดสตอรี่บอร์ด และนักพากย์เสียงจากพิกซาร์ ในฐานะผู้กำกับ Elemental เมืองอลวนธาตุอลเวงภาพยนตร์ออริจินัลเรื่องใหม่ล่าสุดจากดิสนีย์ ร่วมงานในครั้งนี้ด้วย  


“เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา งาน APAC Content Showcase ถือเป็นก้าวแรกสู่การพัฒนาการผลิตคอนเทนต์ในระดับท้องถิ่น  และเป็นการนำเสนอผลงานการสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อไปเฉิดฉายบนเวทีโลก” ลุค แคง ประธานบริษัท เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวเปิดงาน “โดยในปีนี้ การประกาศเปิดตัวรายชื่อคอนเทนต์ระดับโลกจากสตูดิโอชั้นนำและแบรนด์แฟรนไชส์ชื่อดัง รวมถึงคอนเทนต์ใหม่ล่าสุดจากเอเชียแปซิฟิกสำหรับปี 2023 ที่จะถึงนี้ถือเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง” 


ในปีที่ผ่านมา คอนเทนต์ใหม่จากเอเชียแปซิฟิกกว่า 45 เรื่องได้ปล่อยให้สตรีมบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของดิสนีย์ ซึ่งหลายเรื่องประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นทั้งในเชิงของรายได้และคำวิจารณ์ โดย Big Mouth, Soundtrack#1 และ IN THE SOOP: Friendcation เป็นคอนเทนต์ยอดนิยมสามอันดับแรกที่มีจำนวนคนดูมากที่สุดจากผู้ชมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงอาทิตย์แรกของการเปิดตัว นอกจากนี้จำนวนชั่วโมงรวมของการสตรีมคอนเทนต์ท้องถิ่นจากเอเชียบน Disney+ ยังเพิ่มสูงขึ้นกว่า 8 เท่าจากปีที่แล้ว  


“ขณะนี้เรากำลังมุ่งเน้นพัฒนาคอนเทนต์ที่เรากำลังขาดหายไปอยู่” คุณลุคกล่าวเสริม “ด้วยการลงทุนในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ที่นิยมในตลาด อาทิ อนิเมะญี่ปุ่น ซีรีส์เกาหลี หรือภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอมเมดี้และสยองขวัญจากอินโดนีเซีย หรือจะด้วยความต้องการรูปแบบการเล่าเรื่องจากครีเอเตอร์ที่เข้าใจความต้องการของผู้ชมในแต่ละท้องถิ่น ท้ายที่สุดแล้ว ความตั้งใจของเราคือการให้บริการผู้ชมในทุกตลาดด้วยคอนเทนต์จากแบรนด์คุณภาพระดับโลกอย่าง ดิสนีย์, มาร์เวล, สตาร์วอร์ และพิกซาร์ รวมถึงคอนเทนต์ท้องถิ่นที่สะท้อนชีวิตผู้คนในแต่ละพื้นที่ ขณะเดียวกันก็นำเสนอเรื่องราวท้องถิ่นที่โดดเด่นเหล่านี้สู่สายตาผู้ชมทั่วโลก” 


บริษัท เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ เอเชียแปซิฟิก ยังได้ประกาศขยายแผนความร่วมมือกับสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นชั้นนำ Kodansha เพื่อที่จะรวมอนิเมะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์สตรีมมิ่ง เป็นเวลากว่า 70 ปี ที่ดิสนีย์ และ Kodansha ทำงานร่วมกันในวงการสำนักพิมพ์ และบัดนี้กำลังก้าวสู่โลกแห่งอนิเมะ การขยายแผนความร่วมมือในครั้งนี้ยังรวมไปถึงการได้ลิขสิทธิ์ในการสตรีมอนิเมะที่สร้างจากมังงะซึ่งผลิตโดย Kodansha แบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยเริ่มจาก Tokyo Revengers: Christmas Showdown Arc ที่จะปล่อยให้สตรีมเฉพาะบน Disney+ และ Disney+ Hotstar เดือนมกราคม 2023 นี้ ปัจจุบัน การให้บริการสตรีมมิ่งของดิสนีย์มีสมาชิกมากกว่า 235 ล้านคน ใน 154 ตลาดจากทั่วโลก 


“ความสัมพันธ์ระหว่าง Kodansha กับดิสนีย์ดำเนินมาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี พวกเราร่วมสร้างและเผยแพร่เรื่องราวต้นฉบับจากดิสนีย์มากมายหลายเรื่องด้วยกัน” โยชิโนบุ โนมะ ตัวแทนผู้อำนวยการและประธานของ Kodansha กล่าว “ในงานประกาศวันนี้ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เพิ่มความหลายหลายและยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองบริษัท อีกทั้งยังได้แบ่งปันอนิเมะเรื่องโปรดของเราสู่สายตาคนทั่วโลกผ่าน Disney+ และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ของดิสนีย์”  


“พวกเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้สานสัมพันธ์ความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับ Kodansha” แครอล ชเว รองประธานบริหารฝ่ายกลยุทธ์คอนเทนต์ออริจินัล จากบริษัท เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ เอเชียแปซิฟิก กล่าว  “อนิเมะญี่ปุ่นได้มาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในแผนการพัฒนาคอนเทนต์ของเรา และเราเชื่อว่าการขยายความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของแผนกลยุทธ์แอนิเมชันดิสนีย์ในอนาคตของญี่ปุ่น ซึ่งเราตั้งตารอที่จะนำอนิเมะชื่อดังและผลงานสุดพิเศษที่ได้รับรางวัลของ Kodansha สู่สายตาผู้ชมทั่วโลก” 


คอนเทนต์ใหม่จากเอเชียแปซิฟิกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Disney's International Content & Operations ที่จะเปิดตัวในวันนี้ประกอบไปด้วยคอนเทนต์ออริจินัลที่ผลิตโดยครีเอเตอร์ชั้นนำมากมาย โดยไลน์อัปครั้งนี้จะมีซีรีส์ไลฟ์แอ็กชันที่นำแสดงโดยนักแสดงแถวหน้า ทั้งแนวดราม่า คอมเมดี้ แฟนตาซี โรแมนติก ไซไฟ อาชญากรรม สยองขวัญ ไปจนถึงรายการวาไรตี้ สารคดี และอนิเมะจากหลากหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย คอนเทนต์ที่ประกาศในวันนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของดิสนีย์ที่จะเดินหน้าสร้างสรรค์คอนเทนต์ออริจินัลของเอเชียแปซิฟิกมากกว่า 50 คอนเทนต์ ภายในปี 2023 


โซเชียลมีเดีย: 


Twitter: @DisneyPlusTH 

Facebook: @DisneyPlusHotstarTH 

Instagram: @DisneyPlusHotstarTH 

TikTok: @DisneyPlusTH  

ใหม่กว่า เก่ากว่า