Schneider Electric เผยผลศึกษางานวิจัยอิสระ บ่งชี้ถึงช่องว่างในการดำเนินการเพื่อความยั่งยืน

รายงานและการศึกษา โดยบริษัทวิจัยอิสระ 3 แห่งระบุว่า อุตสาหกรรมไอทีและดาต้าเซ็นเตอร์อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเดินทางสู่ความยั่งยืน


ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น ได้มอบหมายให้องค์กรวิจัยอิสระ 3 แห่ง จัดทำรายงานโดยมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนในการดำเนินงานด้านไอทีและศูนย์ข้อมูล โดยผลการรายงานเผยให้เห็นถึงความไม่เชื่อมโยงกันระหว่างความตั้งใจและการดำเนินการ ซึ่งบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ของเส้นทางสู่ความยั่งยืน

การศึกษาทั้ง 3 ฉบับมอบหมายให้แยกกันดำเนินการ โดยนักวิเคราะห์ชั้นนำของอุตสาหกรรมได้แก่ 451 Research ซึ่งเป็นในเครือของ S&P Market Intelligence อีกสองรายคือ Forrester Consulting และ Canalys โดยบริษัทวิจัยเหล่านี้ ได้รวบรวมข้อมูลจากผู้เข้าร่วมเกือบ 3,000 คนทั่วโลก อาทิ ผู้ให้บริการโคโลเคชั่น และคลาวด์ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ให้บริการโซลูชันด้านไอที และผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจากหลากหลายกลุ่ม และองค์กรหลายขนาด

เอกสารการรายงานจาก 451 Research เผยถึงสภาวะที่ย้อนแย้งระหว่างการรับรู้และความจริงที่เป็น โดยองค์กรทั้งหลายต่างเชื่อว่าโครงการความยั่งยืนของตนมีความคืบหน้ากว่าที่เป็น เนื่องจาก “เกือบครึ่ง (48%) ของผู้ตอบแบบสอบถาม มีการประเมินถึงพัฒนาการของโครงการที่ไม่ตรงกับคำตอบก่อนหน้านั้น”

เอกสารของ Forrester Consulting มุ่งเน้นที่โคโลเคชั่น และพบว่า 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อธุรกิจสำหรับองค์กรตน โดยสำคัญเป็นอันดับ 2 จากทั้งหมด แต่มีเพียง 33% เท่านั้นที่บอกว่าองค์กรของตนมีการสร้างแผนความยั่งยืนเชิงกลยุทธ์

งานวิจัยของ Canalys ระบุว่าพันธมิตรด้านช่องทางไอที ต่างกำลังลงทุนกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน แต่ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนการลงทุนให้เป็นการปฏิบัติได้จริง และยังไม่มีคำตอบชัดเจนว่าจะบรรลุเป้าหมายนี้ได้อย่างไร โดย 61% ของพันธมิตรมีบุคลากรที่ดูแลเรื่องความยั่งยืนโดยเฉพาะ แต่มีเพียงหนึ่งในสามเท่านั้นที่มีการกำหนดเป้าหมายด้าน ESG

“การวิจัยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอุตสาหกรรมไอทีและดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหมด ยังมีช่องว่างในการดำเนินการเรื่องความยั่งยืน แม้ดูจะมีความตั้งใจ แต่ยังขาดการดำเนินการอยู่” นาทัลยา มากาโรชคินา รองประธานอาวุโส Secure Power ฝ่ายปฏิบัติการระหว่างประเทศ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวว่า “แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีมีความเข้าใจ และได้ดำเนินการเท่าที่จำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาความยั่งยืน แต่สิ่งที่เราขาด ด้วยข้อยกเว้นบางประการ ก็คือแผนปฏิบัติการที่สนับสนุนการสร้างความยั่งยืนได้อย่างครอบคลุม รวมถึงเป้าหมายที่วัดผลได้ ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อจัดการกับวิกฤตด้านสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้เอกสารวิจัยทั้ง 3 ฉบับได้บันทึกเกี่ยวกับช่องว่างในการดำเนินการเพื่อความยั่งยืน และนั่นคือความท้าทายที่เราต้องร่วมกันแก้ไข”

ทำความเข้าใจสถานะของโครงการความริเริ่ม เพื่อสร้างความยั่งยืนให้อุตสาหกรรมในวงกว้าง

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้มอบหมายให้จัดทำการศึกษางานวิจัยอิสระทั้ง 3 ฉบับ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเข้าใจถึงการพัฒนาที่สมบูรณ์ของโครงการความริเริ่มด้านความยั่งยืนได้ดียิ่งขึ้น นี่คือภาพรวมของบทความแต่ละฉบับพร้อมตัวอย่างของผลลัพธ์และลิงก์เพื่อเข้าไปดูผลการศึกษาฉบับเต็ม:

  • รายงานพิเศษ 451 Research: ความยั่งยืนที่เอดจ์ – ช่องว่างระหว่างแผนขององค์กร และโครงการความยั่งยืนสำหรับโครงสร้างหลักและไอทีแบบกระจายศูนย์ โดยเป็นรายงานจากการสำรวจองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่กว่า 1,150 แห่งทั่วโลก ซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจเฉพาะทางกว่า 20 ประเภท พร้อมความพยายามในการสร้างความยั่งยืนด้วยทรัพยากรด้านไอทีแบบกระจายศูนย์ นักวิเคราะห์ได้ระบุว่า องค์กรหลายแห่งเชื่อว่าองค์กรของตนกำลังมุ่งหน้าไปตามเส้นทางในการสร้างความยั่งยืนมากกว่าที่เป็นอยู่จริง สำหรับกลุ่มนี้ ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของความยั่งยืนคือมูลค่าทางธุรกิจ และบริษัททั้งหลายต่างเริ่มต้นจากการวัดการใช้พลังงาน จากนั้นจึงค่อยขยายไปสู่มาตรฐานการวัดและเครื่องมือเพื่อสร้างความยั่งยืนอื่นๆ ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเส้นทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ได้แก่ การปรับใช้พลังงานให้เหมาะสม ตามด้วยการมีข้อมูลต่อเนื่องและมาตรฐานการวัดที่สอดคล้องกัน (สำหรับผู้นำ/บริษัทที่ล้ำหน้า) และการขาดพนักงานที่มีทักษะ (สำหรับองค์กรในช่วงเริ่มต้น)
  • เอกสารเรื่องความเป็นผู้นำทางความคิดจาก Forrester Consulting: พลิกโฉมกลยุทธ์โคโลเคชั่นด้วยการคำนึงถึงความยั่งยืนก่อน นักวิจัยได้จัดทำสำรวจผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านความยั่งยืนทั่วโลกจำนวน 1,033 ราย จากผู้ให้บริการโคโลเคชั่นทั่วโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจเกี่ยวกับปัจจัยขับเคลื่อนความยั่งยืนในอุตสาหกรรมที่ให้บริการโคโลเคชั่น การศึกษายังได้ทำการสำรวจสิ่งที่เป็นความท้าทายหลักสำหรับผู้ให้บริการโคโลเคชั่น และส่วนที่ลงทุนมากที่สุดในเรื่องโครงสร้างเทคโนโลยี ในรายงานพบว่าหลายองค์กรขาดกลยุทธ์ที่ครอบคลุมสำหรับโครงการความยั่งยืน โดยมีเพียง 33% ที่ระบุว่าองค์กรของตนมีการสร้างแผนงานความยั่งยืนเชิงกลยุทธ์ ปัจจัยดังกล่าวบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมยังอยู่ที่จุดเริ่มต้นในการเดินทางสู่ความยั่งยืน รายงานดังกล่าวระบุว่าปัจจัยหลักของความสำเร็จด้านความยั่งยืนอาจเป็นการหาพันธมิตรที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยังพบว่าองค์กรที่จ้างบริษัทที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนจากภายนอกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืน มีแนวโน้มว่าจะเป็นองค์กรที่มีพัฒนาการสูงกว่า ถึง 33%
  • Canalys: ในการศึกษาว่า พันธมิตรสามารถพัฒนากลยุทธ์ความยั่งยืนได้อย่างไรได้มีการพยายามค้นหาเพื่อทำความเข้าใจถึงความพร้อมของระบบนิเวศด้านช่องทางจำหน่ายไอทีทั่วโลกในเส้นทางสู่ความยั่งยืน โดยสำรวจผู้ให้บริการโซลูชันไอทีจำนวน 500 ราย การวิจัยได้ให้นิยามความพร้อมและบทบาทของช่องทางไอทีในระบบนิเวศที่กว้างขึ้น Canalys พบว่า 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจได้ทุ่มเททรัพยากรด้าน ESG (Environmental Social and Governance) และพบว่า 40% คาดหวังรายได้จากโซลูชันด้านความยั่งยืน ในขณะที่พันธมิตรด้านช่องทางไอที ต่างกำลังลงทุนในกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน โดยพยายามอย่างหนักที่จะแปลงการลงทุนให้เป็นการดำเนินการจริงซึ่งสอดคล้องกับ eBook โดยการวิจัยตลาดชิ้นนี้ยังได้สำรวจความต้องการเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและโซลูชันด้านความยั่งยืนที่ครบวงจรแบบ end-to-end จากผู้จำหน่ายด้านไอทีและเทคโนโลยี

 

ความยั่งยืนกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

ในขณะเดียวกัน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ก็ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ และโซลูชันที่มุ่งเน้นด้านความยั่งยืนดังต่อไปนี้

  • ธุรกิจด้านความยั่งยืนของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประกอบไปด้วยที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนกว่า 2,000 ราย ที่คอยให้การสนับสนุนลูกค้าทั้งในเรื่องการกำหนดเป้าหมาย การสร้างกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน การจัดหาพลังงานหมุนเวียน การประเมินทางเลือกด้านพลังงาน การลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
  • สร้างประสิทธิภาพที่ยั่งยืน ด้วยการออกแบบ – ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ใช้ประโยชน์จาก EcoDesign ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ฝังเรื่องประสิทธิภาพความยั่งยืนไว้ในรากฐานของกระบวนการออกแบบ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมที่สูง และได้รับมาตรฐานฉลาก Green Premium™
  • สายผลิตภัณฑ์ด้านการบริหารจัดการโครงสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัย หรือ DCIM (Modern Data Center Infrastructure Management) เพื่อความยั่งยืน - EcoStruxure IT เป็นซอฟต์แวร์และบริการที่ครบวงจรสำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบไอทีแบบไฮบริด และเอดจ์คอมพิวติ้ง ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจสอบและบริหารจัดการ วางแผน และสร้างโมเดล เหล่านี้จากระยะไกลได้อย่างปลอดภัย และช่วยให้องค์กรก้าวข้ามความท้าทายในการสร้างความยั่งยืนได้
  • สร้างความยั่งยืนผ่านความร่วมมือแห่งอนาคต – ระบบนิเวศแบบบูรณาการเพื่อประสานการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการโซลูชันไอที ช่วยลดความยุ่งยากในการปรับใช้โซลูชันไอทีที่เอดจ์รวมถึงการบริหารจัดการสำหรับลูกค้า
  • จัดลำดับความสำคัญในการสร้างความยั่งยืนสำหรับคู่ค้าผ่าน mySchneider ด้วยการเข้าถึง Design Portal ซึ่งพันธมิตรสามารถออกแบบให้มีอายุการใช้งานยาวนานและให้บริการได้จริง สามารถออกแบบระบบไอทีที่มีประสิทธิภาพได้จากระยะไกล และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมให้แก่ลูกค้าได้สอดคล้องตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม

ใหม่กว่า เก่ากว่า