ออมเดีย (Omdia) เปิดเผยผลวิเคราะห์ล่าสุดในรายงาน "Competitive Landscape Tracker" พบว่า ในช่วงไตรมาสสองของปี 2565 การเติบโตของรายได้รวมในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน โดยรายได้ในไตรมาสสองของปี 2565 ปรับตัวลดลง 1.9% จากระดับ 1.612 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2565 เหลือ 1.581 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการลดลงในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังสิ้นสุดช่วงเวลาที่ตลาดเซมิคอนดักเตอร์เติบโตขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุด 8 ไตรมาสรวด
คุณคลิฟฟ์ ไลม์บาค (Cliff Leimbach) นักวิเคราะห์วิจัยอาวุโสของออมเดีย กล่าวว่า "การปรับตัวลดลงของรายได้ภาคเซมิคอนดักเตอร์ ส่งผลให้ไตรมาสสองของปี 2565 เป็นการปรับตัวลดลงที่ย่ำแย่ที่สุดลำดับที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสสองของปีอื่น ๆ ตลอด 20 ปีที่ออมเดียได้ติดตามตลาดมา การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้ อุปสงค์ชิปเพิ่มขึ้นมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจากกระแสทำงานและเรียนที่บ้าน เมื่อพิจารณาจากวงจรตลาดเซมิคอนดักเตอร์แล้ว เราคาดว่าช่วงที่เหลือของปี 2565 และช่วงครึ่งแรกของปี 2566 จะเป็นช่วงปรับฐานเมื่อตลาดกลับสู่ภาวะปกติ"
ปัจจัยหนึ่งที่นำพาตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันให้เข้าสู่ช่วงขาลงนั่นคือ ผลการดำเนินงานของบริษัทอินเทล (Intel) ในไตรมาส 2/65 และธุรกิจไมโครโปรเซสเซอร์ (MPU) ของอินเทลซึ่งลดลงถึง 13% ในไตรมาสแรก โดยการหายไปจากตลาดที่มีสัดส่วนมากกว่า 10% ในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด ได้ฉุดทั้งตลาดให้ร่วงลง
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในไตรมาส 2/65 จากไตรมาส 1/65 ทำให้บริษัทที่รายงานรายได้ในสกุลเงินต่างประเทศมีรายได้ลดลงเมื่อแปลงเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่บริษัทบางแห่งที่ไม่ได้อยู่ในสหรัฐมีรายได้รายไตรมาสเพิ่มขึ้นในสกุลเงินท้องถิ่น แต่เมื่อแปลงเป็นสกุลดอลลาร์แล้วพบว่ารายได้รายไตรมาสลดลง โดยรวมแล้ว ปัจจัยเหล่านี้ได้กดดันรายได้รวมของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อพิจารณาโดยภาพรวม บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่อย่างอินเทลและอินวิเดีย (NVIDIA) มีผลการดำเนินงานลดลงรวมกัน 3.7 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2/65 เมื่อผลิตภัณฑ์เป็นที่ต้องการลดลง ขณะที่เหล่าผู้ผลิต (OEM) มีสินค้าคงคลังน้อยในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ นอกจากนี้ บริษัทระดับท็อป 10 อีกหนึ่งแห่งที่มีรายได้ลดลงในไตรมาส 2/65 คือ ควอลคอมม์ (Qualcomm) ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ที่เหลือมีรายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมา
ด้านตลาดหน่วยความจำมีการขยายตัวขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสสอง ขยับขี้นเพียง 1% นิด ๆ โดยมีบริษัทซัมซุง (Samsung) ยืนหนึ่งในด้านหน่วยความจำ DRAM และ NAND ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเมื่อประกอบกับผลการดำเนินงานของอินเทลแล้ว ทำให้ซัมซุงเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์อันดับหนึ่งในแง่รายได้