งานวิจัยชิ้นใหม่จากออมเดีย (Omdia) แสดงให้เห็นว่า การรับชมรายการในรูปแบบที่ไม่ต้องเฝ้ารอตามผังเวลาออกอากาศ (Non-Linear TV) ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทุกขณะในพฤติกรรมการดูทีวีในแต่ละวันของผู้ใช้งานทีวีทั่วสหรัฐ, ยุโรป และออสเตรเลีย เนื่องจากช่วงเวลาการรับชมวิดีโอแบบยาวทางออนไลน์และทางโซเชียลมีเดียเติบโตมากยิ่งกว่าครั้งเมื่อปีก่อนหน้า
รายงานเวลาการรับชมโทรทัศน์ข้ามแพลตฟอร์มฉบับใหม่ของออมเดียประจำปี 2565 พบว่า ในตลาดทั้งหมดที่ครอบคลุมเวลาในการรับชมเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 362 นาทีต่อคนต่อวันในปี 2564 (6 ชั่วโมง 2 นาที) ลดลง 0.5% จากปีก่อนหน้า การลดลงของการรับชมทีวีตามผังเวลาออกอากาศ (Linear TV), การรับชมวิดีโอแบบสั้นทางออนไลน์ และวิดีโอออนดีมานด์แบบเสียค่าใช้จ่าย (Pay TV VoD) เป็นสาเหตุที่ทำให้ยอดรับชมลดลงเล็กน้อย โดยเวลารับชมทีวีตามผังเวลาออกอากาศลดลงมากที่สุด แต่การเติบโตของการรับชมรายการแบบยาวทางออนไลน์และวิดีโอบนโซเชียลมีเดียช่วยถ่วงดุลการลดลงนี้ ทำให้เวลาการรับชมโดยรวมลดลงเพียง 2 นาที
เวลาในการรับชมทีวีตามผังเวลาออกอากาศลดลงในทุกตลาดในปี 2564 โดยสาเหตุหลักเกิดจากการยกเลิกมาตรการสกัดโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ซึ่งบังคับใช้เกือบตลอดทั้งปี 2563 ขณะที่การเปลี่ยนไปสู่การรับชมรายการแบบออนดีมานด์อย่างต่อเนื่องถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญ
ร็อบ มอยเซอร์ (Rob Moyser) นักวิเคราะห์อาวุโสในทีมทีวีและวิดีโอออนไลน์ของออมเดียแสดงความเห็นว่า "ในตลาดที่พัฒนามากแล้ว เช่น สหรัฐและสหราชอาณาจักร ปี 2564 น่าจะเป็นปีสุดท้ายที่รายการทีวีตามผังเวลาออกอากาศครองเวลาการรับชมเหนือการดูทีวีในรูปแบบอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ในระดับแพลตฟอร์มต่อแพลตฟอร์ม การรับชมทีวีตามผังเวลาออกอากาศยังคงได้รับความนิยมมากที่สุดในทุกตลาด"
รูปแบบรายการออนไลน์แบบยาวถือเป็นส่วนสำคัญของการเติบโตในทุกตลาด โดยส่วนใหญ่แล้วได้รับแรงหนุนจากบริการสมัครดูคอนเทนต์ออนไลน์ เช่น เน็ตฟลิกซ์ (Netflix), แอมะซอน ไพร์ม (Amazon Prime) และดิสนีย์+ (Disney+) ตลอดจนการเปิดตัวบริการ OTT เช่น ดิสคัฟเวอรี+ (Discovery+) และพาราเมาต์+ (Paramount+) โดยรวมแล้วการรับชมรายการแบบยาวนั้นเพิ่มขึ้น 8 นาที แตะที่ระดับ 68 นาที โดยแซงหน้าการรับชมวิดีโอทางโซเชียลมีเดียไป 8 นาที
เวลาที่ใช้ในการรับชมคอนเทนต์วิดีโอบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น 9 นาทีในปี 2564 สู่ค่าเฉลี่ยที่ 60 นาทีต่อคนต่อวันใน 9 ตลาดที่บริษัทได้ทำการวิเคราะห์ โดยติ๊กต็อก (TikTok) ทำผลงานโดดเด่นในด้านการเติบโตของวิดีโอในปีดังกล่าว โดยแพลตฟอร์มนี้มีแนวโน้มแซงหน้าเฟซบุ๊ก (Facebook) ในด้านการใช้เวลารับชมทั้งหมดเป็นครั้งแรกในปี 2565