ด้วยกระแสยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน และกลายเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลก รวมถึงในประเทศไทยที่มีความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น แต่ก็ยังคงมีความกังวลถึงเครือข่ายสถานีชาร์จ การใช้งานเครื่องชาร์จและแอปพลิเคชัน สิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างรอชาร์จ และข้อจำกัดอีกมากมายที่อาจเกิดขึ้นหากต้องเดินทางไกล ซึ่งผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าตัวจริงแสดงให้เห็นว่า ข้อกังวลเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นหากมีการวางแผนอย่างดี กับบทพิสูจน์ที่ถือเป็นความท้าทายในการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าข้ามพรมแดนสามประเทศในระยะเวลา 10 วัน โดยคุณอู๋ - อติชาญ เชิงชวโน เจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3 ได้ร่วมกับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดประสบการณ์การเดินทางไร้มลพิษ กับครั้งแรกของการขับรถยนต์ไฟฟ้าบนเส้นทางกรุงเทพฯ – สิงคโปร์ – กรุงเทพฯ รวม 4,100 กิโลเมตร สร้างอีกหนึ่งหมุดหมายครั้งประวัติศาสตร์สู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนผ่านสมรรถนะอันทรงพลัง ระยะทางการขับขี่ และความสะดวกสบายอันเหนือชั้นของรถยนต์อเนกประสงค์ Sports Activity Vehicle พลังงานไฟฟ้า 100% อย่างบีเอ็มดับเบิลยู iX3
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เราตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างประเทศไทย-สิงคโปร์ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเป็น ครั้งแรก การเดินทางครั้งสำคัญของคุณอติชาญครั้งนี้ คือปรากฏการณ์ใหม่ที่ปลดล็อคความเป็นไปได้ไม่รู้จบของการเดินทางด้วยยนตรกรรมไฟฟ้า เป็นบทพิสูจน์ที่จะช่วยขจัดข้อกังวลต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินทางระยะไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มประสิทธิภาพและสะดวกสบายตลอดเส้นทาง”
“และที่สำคัญ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นในการผลักดันยนตรกรรมไฟฟ้าในสังคมไทย โดยเราได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ ให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิสามารถเข้าถึง 600 หัวจ่าย ในกว่า 295 แห่งทั่วประเทศ และด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทั้ง 4 รุ่นที่เรานำเสนอแก่ลูกค้าชาวไทย ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู iX3 บีเอ็มดับเบิลยู iX บีเอ็มดับเบิลยู i4 และมินิ คูเปอร์ เอสอี ได้นำเราสู่อีกหนึ่งความสำเร็จในการครองส่วนแบ่งตลาดยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียมสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งที่ 37.7% ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 โดยภายในปลายปีนี้ ลูกค้าในประเทศไทยจะได้สัมผัสยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าจากบีเอ็มดับเบิลยูครบทุกเซกเมนต์ เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าบีเอ็มดับเบิลยูยังคงยืนหยัดสนับสนุนทุกความท้าทายที่จะนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และมุ่งส่งเสริมอนาคตแห่งการขับเคลื่อนเพื่อการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนอย่างแท้จริง”
คุณอู๋ อติชาญ เชิงชวโน ได้กล่าวถึงประสบการณ์การขับขี่บีเอ็มดับเบิลยู iX3 ข้ามพรมแดนครั้งนี้ว่า “การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเพราะอยากสร้างแรงบันดาลใจว่า การขับรถในระยะทางไกลด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นไปได้จริง โดยสามารถขับข้ามไปต่างประเทศได้แบบไม่มีขีดจำกัดใด หากศึกษาข้อมูลและวางแผนเส้นทางอย่างรอบคอบ การนำบีเอ็มดับเบิลยู iX3 มาทำภารกิจนี้ก็พิจารณาจากหลาย ๆ องค์ประกอบ ทั้งสมรรถนะ เทคโนโลยีต่าง ๆ ขนาดของรถซึ่งมีความเหมาะสมกับการขนสัมภาระในทริปนี้อย่างมาก ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย”
คุณอู๋แบ่งปันประสบการณ์เพิ่มเติมว่า ก่อนเดินทางได้ศึกษาเกี่ยวกับเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าในแต่ละประเทศอย่างละเอียด ทำให้เห็นว่าปัจจุบัน ทั้งสามประเทศมีความพร้อมในด้านยนตรกรรมไฟฟ้า สถานีชาร์จไฟฟ้ามีตลอดทางตั้งแต่ประเทศไทยไปจนถึงปลายทางที่ประเทศสิงคโปร์ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และแนวคิดสนับสนุนการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าของแต่ละประเทศที่มีมากขึ้น แม้ว่าในแต่ละประเทศจะมีกฎระเบียบสำหรับการใช้สถานีชาร์จไฟฟ้าต่างกันบ้าง แต่ในภาพรวมก็ยังมีการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก ช่วยให้เจ้าของรถยนต์ได้ใช้บริการและพักผ่อนระหว่างการชาร์จไฟฟ้าได้อย่างสะดวกสบาย ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์มีสถานีชาร์จไฟฟ้าทุกหนแห่ง จึงไม่ต้องกังวลเรื่องกำลังไฟในแบตเตอรี่
นอกจากนี้ คุณอู๋ยังกล่าวว่ารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3 เป็นคู่หูสำคัญที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี ด้วยการเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ SAV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมเทคโนโลยีระบบชาร์จใหม่ล่าสุด หากใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ สามารถชาร์จด้วยระบบไฟแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส ได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ และหากชาร์จแบบรวดเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง จะรับพลังงานได้สูงสุด 150 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่แรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู iX3 ยังรองรับการชาร์จจาก 0 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ได้ภายใน 34 นาที นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู iX3 ยังมาพร้อมระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation) เพิ่มสมรรถนะและความสะดวกสบายระหว่างการขับขี่ ระดับการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่จะแปรผันตามสภาวะถนนซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลในระบบนำทางและเซนเซอร์ในระบบช่วงเหลือผู้ขับขี่ ช่วยให้การบริหารจัดการเส้นทางในระยะทางกว่า 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ให้เป็นไปอย่างสะดวกสบาย
นอกจากสามารถใช้งานได้หลากหลาย ให้ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร เทคโนโลยีช่วยผู้ขับขี่ซึ่งผ่อนภาระในการขับขี่ระยะยาวให้สบายขึ้น ยังประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอีกด้วย ซึ่งหากคำนวนคร่าว ๆ ได้เสียค่าชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์อยู่ที่ราว 5,600 บาท ซึ่งหากทริปนี้เดินทางด้วยรถยนต์ปกติ คาดว่าจะต้องเสียค่าน้ำมันไปกว่า 14,000 บาท
เสริมความอุ่นใจด้วยเทคโนโลยีช่วยผู้ขับขี่ เส้นทางยาวไกลแค่ไหนก็ไร้กังวล
เพราะเป็นการเดินทางไกล สมรรถนะและเทคโนโลยีช่วยขับขี่จึงเป็นเรื่องแรกที่ต้องคำนึงถึง หนึ่งในเทคโนโลยีช่วยขับขี่บนทางด่วนไฮเวย์ในประเทศมาเลเซียจึงเป็นระบบ Active Cruise Control ซึ่งเป็นระบบล็อกความเร็วคงที่ตามความต้องการของผู้ขับขี่ จึงช่วยผ่อนแรงในการขับรถทางไกลได้เป็นอย่างดี ทั้งยังนั่งสบายด้วยช่วงล่างแบบ Adaptive ปรับระดับด้วยไฟฟ้าตามสภาพถนนและสภาวะการขับขี่ ช่วยให้การเดินทางในเส้นทางขึ้นลงเขาเป็นไปได้ง่ายขึ้นแม้ในช่วงเวลาที่ฝนตก ในขณะที่ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant) ซึ่งทำงานผ่านเทคโนโลยี AI ช่วยสังเกตอัตราการเหยียบคันเร่ง การบังคับของพวงมาลัย และประเมินความพร้อมของร่างกายผู้ขับขี่จากลักษณะการเหยียบคันเร่ง พร้อมส่งสัญญาณเตือนให้พักจากการขับรถ ทั้งยังช่วยหาร้านกาแฟหรือสถานที่พักริมทางให้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบนำทาง BMW Maps ที่ช่วยนำทางได้อย่างแม่นยำ และระบบผู้ช่วย Intelligent Personal Assistant ที่สามารถสั่งการฟังก์ชันต่าง ๆ รวมถึงค้นหาสถานที่สำคัญได้ด้วยคำสั่งเสียง และไฮไลท์ของทริปอย่างแอปพลิเคชัน My BMW ที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลไปที่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3 ของคุณอู๋ได้อย่างต่อเนื่องตลอดการเดินทางครั้งนี้ ช่วยให้สามารถเช็คและอัปเดตข้อมูลได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นปริมาณไฟฟ้าคงเหลือหรือข้อมูลการชาร์จไฟฟ้า หรือฟังก์ชันอื่น ๆ ในแอปพลิเคชัน โดยสามารถปรับเป็นเวลาท้องถิ่นได้อัตโนมัติได้จึงหายห่วงเรื่องไทม์โซนอีกด้วย
จัดเก็บกระเป๋าเดินทางและสัมภาระได้อย่างจุใจ นั่งสบายแบบฟังก์ชันครบครัน
นอกจากระยะทางแล้วอีกหนึ่งความท้าทายของทริปที่ใช้เวลายาวนานกว่า 10 วันคือการขนสัมภาระและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของทั้งคุณอู๋ ภรรยา และผู้ร่วมทริปอีกสองท่าน รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3 โดดเด่นเรื่องการใช้งานที่หลากหลายและความโอ่อ่าในห้องโดยสาร ทำให้การเดินทางไกลข้ามประเทศสะดวกสบายและไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป ส่วนเบาะหลังพับได้แบบ 40:20:40 สามารถปรับเพิ่มปริมาตรการบรรจุสัมภาระจาก 510 ถึง 1,560 ลิตร จึงสามารถจัดเก็บสัมภาระของทุกคนได้อย่างลงตัว ยิ่งไปกว่านั้นยังมาพร้อมกับระบบความบันเทิงและการสื่อสารเพื่อเสริมบรรยากาศให้การเดินทางน่าประทับใจขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon หรือระบบ BMW Live Cockpit Professional
ประสบการณ์การเดินทางข้ามประเทศในเส้นทางไทย - สิงคโปร์ - ไทย กว่า 4,100 กิโลเมตร ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าของคุณอู๋ – อติชาญ เชิงชวโน ยังได้รับความร่วมมือจากมิชลินที่มอบ Michelin Pilot Sport 4 SUV ยางรถยนต์คุณภาพซึ่งพัฒนามาเพื่อใช้กับรถยนต์เอสยูวีสมรรถนะสูงโดยเฉพาะ ให้การยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมทั้งบนผิวถนนแห้งและถนนเปียก มั่นใจในการเดินทางตลอดเส้นทาง รวมถึง เอไอเอส ที่สนับสนุนการเชื่อมต่อสัญญาณ 5G ให้กับโทรศัพท์มือถือ ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ตลอดเส้นทางในประเทศไทยและการเชื่อมต่อสัญญาณ 5G ในต่างประเทศ และการท่องเที่ยวสิงคโปร์ที่อำนวยความสะดวกในการประสานงานสำหรับการเดินทางในประเทศสิงคโปร์อีกด้วย
สำหรับคลิปวิดีโอพิเศษ กับการบันทึกครั้งแรกของการเดินทางข้ามพรมแดนของคุณอู๋ – อติชาญ เชิงชวโน ด้วยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3 สามารถรับชมได้ทาง YouTube ที่ช่อง Spin9 หรือ https://youtu.be/TROS8e_8frA ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 11 สิงหาคม พศ. 2565 เป็นต้นไป