ผ่านการสร้างศูนย์วิจัยเอทูซีเซ็นเตอร์ (A-Z Center) แห่งแรก ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 |
แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE Corporation) (0763.HK / 000063.SZ) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมือถือสำหรับองค์กรและผู้บริโภค ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือที่ครอบคลุมกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ผู้ให้บริการดิจิทัลอันดับหนึ่งของไทย
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว แซดทีอีจะเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมของเอไอเอส ในการยกระดับเทคโนโลยีหลัก เช่น 5G เพื่อปรับปรุงคุณภาพเครือข่าย และมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าเอไอเอส พร้อมพัฒนาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมเพื่อให้ประเทศไทยอยู่ในระดับแนวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัล
แซดทีอีมุ่งมั่นที่จะยกระดับเครือข่าย 5G ของเอไอเอสสู่เครือข่ายดิจิทัลอัจฉริยะที่สามารถจัดการเครือข่ายอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำในระหว่างการประมวลผลบิ๊กดาต้าและ AI รวมทั้งจะขยายขีดความสามารถ 5G ของเอไอเอส เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านนวัตกรรมของแซดทีอีที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในระดับโลก อันจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดผ่านกระบวนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ หรือ Digital Transformation
นอกจากนี้ เอไอเอส และ แซดทีอี จะเปิดตัว "A-Z Center" (ศูนย์นวัตกรรม 5G) แห่งแรกของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรม 5G สำหรับทั้งโครงสร้างพื้นฐานและโซลูชัน เพื่อสนับสนุนการเติบโตของภาคส่วนต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชัน 5G ในอุตสาหกรรมแนวดิ่ง โดยศูนย์วิจัยแห่งนี้มีกำหนดสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า "ในฐานะ Digital Life Service Provider เอไอเอสมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง 5G ที่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักมาส่งเสริมขีดความสามารถด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ พร้อมส่งมอบประสบการณ์จากบริการอัจฉริยะหลากหลายรูปแบบให้แก่ลูกค้าเอไอเอส และคนไทย รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ผ่านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง"
"เราเชื่อมั่นเสมอว่า 5G จะเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญในอนาคตอันใกล้ ที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่พฤติกรรมผู้บริโภคไปจนถึงบริบททางสังคม และการเติบโตของประเทศด้วยระบบเศรษฐกิจดิจิทัล" ซีอีโอของเอไอเอส กล่าว
"แซดทีอี ในฐานะหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้าน 5G เชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่า 5G กำลังขับเคลื่อนการพัฒนาแนวดิ่ง และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมต่าง ๆ" นายสวี จือหยาง ซีอีโอของแซดทีอี คอร์ปอเรชัน กล่าว "เราจะเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมโซลูชันและแอปพลิเคชัน 5G ทางเทคนิคต่อไป และทำงานร่วมกับเอไอเอส เพื่อร่วมกันสำรวจศักยภาพมหาศาลของเครือข่าย 5G ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล"
ปัจจุบัน เอไอเอสเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่ยืนหยัดในการขยายเครือข่าย 5G ให้ครอบคลุม 77 จังหวัดของประเทศไทย คิดเป็น 78% ของประชากรทั้งหมด และมีเป้าหมายที่จะเติบโตเป็น 85% ภายในปีนี้ โดยเอไอเอสยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่างแซดทีอี เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรม
ในเดือนมีนาคม 2565 เอไอเอส ควอลคอมม์ และแซดทีอี ได้ร่วมกันทดสอบเทคโนโลยี 5G NR-DC (New Radio Dual Connectivity) สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก บนคลื่นความถี่ 2.6GHz และ 26GHz โดยสามารถทำความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดได้ที่ 8.5 Gbps และความเร็วสูงสุดในการอัปโหลดได้ที่ 2.17 Gbps ด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่เครื่องเดียว ทั้งนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ได้รวมเอาสองคลื่นความถี่ 5G หลัก ได้แก่ Sub-6 และ 5G mmWave เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเครือข่าย 5G ของประเทศไทย และขยายขอบเขตการใช้งาน 5G
นอกจากนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 เอไอเอส แซดทีอี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ร่วมกันทดสอบโรงงานอัจฉริยะ หรือ 5G Smart Factory เพื่อส่งเสริมการสร้างบุคลากรในสาขา AI, Cloud, IoT, VR และ AR ให้สามารถนำทักษะดังกล่าวไปพัฒนาโซลูชันสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย