Automobili Pininfarina เปิดตัวซาวด์คอนเซปต์ใหม่ SUONO PURO สะท้อนซิกเนเจอร์ของแบรนด์ เผยเสียงที่แท้จริงของรถ Battista


ออโตโมบิลี ปินินฟารินา (Automobili Pininfarina) เปิดตัวซาวด์คอนเซปต์ใหม่อย่าง "ซัวโน ปูโร" (SUONO PURO) ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นสำหรับรถยนต์ไฮเปอร์ จีที พลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกของโลก โดยแบรนด์อิตาลีรายนี้ยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อเป็นผู้บุกเบิกการสร้างความหรูหราแบบใหม่ที่มีความยั่งยืน



การสร้างสรรค์ประสบการณ์เสียงที่ไม่เหมือนใครนั้นมาพร้อมกับปัญหาท้าทายมากมาย เพราะต้องนำเสนอประสบการณ์การเป็นเจ้าของและการขับขี่ด้วยความหรูหราขั้นสุดอย่างที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมการออกแบบที่ส่งต่อมาอย่างยาวนานและความยั่งยืนด้วย แล้วเสียงอันแสนไพเราะและทรงพลังนั้นเป็นอย่างไรในโลกแห่งระบบไฟฟ้า ผลงานการออกแบบอันเป็นเลิศและแบรนด์ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ควรมีเสียงอย่างไร แล้วเราจะสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์อย่างเป็นธรรมชาติระหว่างผู้ขับ รถยนต์ และประสบการณ์ขับขี่ได้อย่างไรกัน


ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ได้รังสรรค์ความรู้สึกทางโสตประสาทขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เพื่อสะท้อนความบริสุทธิ์ของการออกแบบรถแบตติสตา (Battista) และทำให้ออโตโมบิลี ปินินฟารินา มีเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกดีไปด้วย โดยเหล่าดีไซเนอร์และวิศวกรระบบรถยนต์และเสียงได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ ทั้งยังทุ่มเวลากว่า 2,000 ชั่วโมงในการแต่ง พัฒนา และปรับจูน จนได้เสียงที่สะท้อนถึงประสบการณ์แบรนด์อันโดดเด่นในความถี่และโทนต่าง ๆ



คุณเปาโล เดลลาชา (Paolo Dellachà) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และวิศวกรรมของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า "ดีไซเนอร์และวิศวกรเสียงของเราได้รังสรรค์ประสบการณ์เสียงอันเป็นแบบฉบับของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมอบความพิเศษและความสมจริงให้กับผู้ที่มีโอกาสสัมผัสกับยานยนต์ของเรา โดยเป็นซิกเนเจอร์ของรถแบตติสตาและแบรนด์ออโตโมบิลี ปินินฟารินา เพราะทั้งโดดเด่น ชัดเจน และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่แพ้การออกแบบ"


ซัวโน ปูโร สะท้อนให้เห็นดีเอ็นเอในการออกแบบของออโตโมบิลี ปินินฟารินา อย่างชัดเจน โดยนำคุณลักษณะส่งเสริมสุขภาวะของความถี่ 432 เฮิรตซ์มาพิจารณาด้วย ซึ่งให้ทั้งความอบอุ่นและยกระดับจิตใจ เฉกเช่นความรู้สึกดี ๆ ที่ได้จากขันทิเบต ขณะที่นักประพันธ์ดนตรีคลาสสิกอย่างโมสาร์ทและแวร์ดีก็เคยนำไปใช้ด้วย


เมื่ออยู่ในรอบเดินเบา รถแบตติสตาจะมีความถี่ของเสียงอยู่ที่ 54 เฮิรตซ์ (ลดลง 3 ออกเทฟจาก 432 เฮิรตซ์) ซึ่งเป็นเบสโน๊ตที่ทั้งบริสุทธิ์และก้องกังวานไม่เหมือนใคร ความบริสุทธิ์ของความถี่นี้มองเห็นได้จากแรงกระเพื่อมบนน้ำ ซึ่งกระเพื่อมได้อย่างงดงามและเป็นสมมาตร และสำหรับร่างกายมนุษย์ซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบราว 70% นั้น ความถี่นี้คาดว่าจะช่วยส่งเสริมสุขภาวะที่ดี โดยลูกค้าจะสัมผัสกับสิ่งนี้ได้ในรถแบตติสตาของพวกเขาเอง ซิ่งจะเริ่มส่งมอบทั่วโลกในปีนี้


บทสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเบื้องหลังคอนเซปต์ซัวโน ปูโร ของรถแบตติสตา

ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ทำงานอย่างใกล้ชิดกับซาวด์ดีไซเนอร์อย่างโนโว โซนิก (Novo Sonic) เพื่อสร้างสรรค์เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์และรถแบตติสตา โดยคุณแกร์รี เลน (Garry Lane) วิศวกรผู้จัดการเรื่องระดับเสียง ความสั่นสะเทือน และความกระด้าง (NVH) และเสียงจากฝั่งของออโตโมบิลี ปินินฟารินา และคุณทอม ฮูเบอร์ (Tom Huber) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของโนโว โซนิก ได้ผนึกกำลังกันจนทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริง พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีจำนวนไม่มากแต่ล้วนเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและความหลงใหล โดยพวกเขากล่าวอธิบายโปรเจกต์ไว้ดังนี้



ตอนแรกบรีฟไว้ว่าอะไรบ้าง คุณอยากให้คนที่ได้ยินเสียงของรถแบตติสตารู้ยังอย่างไรบ้าง

แกร์รี เลน :  เรากำลังนำรถไฮเปอร์ จีที ที่มีความโดดเด่นมาโชว์ตัวในโลกรถหรู โดยเป็นการนำรถยนต์ระบบไฟฟ้ามานำเสนอใหม่อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน รวมถึงเรื่องเสียงด้วย คอนเซปต์ซัวโน ปูโร จำเป็นต้องทำให้เห็นแก่นแท้และสะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้ เราจึงปล่อยให้มอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลังทั้ง 4 ตัวเปล่งเสียงออกมาเอง บวกเข้ากับประสบการณ์เสียงสุดพิเศษ เพื่อส่งเสริมสุขภาวะอันดีของผู้ขับขี่

ทอม ฮูเบอร์ :  เราอยากสร้างประสบการณ์เสียงที่เป็นธรรมชาติ และนี่ก็เป็นผลจากการใช้ความถี่ โดยความถี่ 440 เฮิรตซ์ได้เป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมดนตรีอเมริกันในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 เพื่อใช้เป็นโทนอ้างอิงในการปรับจูนสำหรับเครื่องดนตรีและวงออเคสตรา ทำให้ทั่วโลกปรับเสียงดนตรีตามสิ่งนี้ อย่างไรก็ดี ความถี่ 432 เฮิรตซ์เป็นความถี่ที่ใช้ในการปรับเสียงในโลกดนตรีคลาสสิก รวมถึงนักประพันธ์ชื่อดังอย่างแวร์ดี ซึ่งถ้าหากลองฟังวงออเคสตราบรรเลงเพลงโดยปรับจูนตามต้นแบบแล้ว หลาย ๆ คนน่าจะได้ยินความแตกต่างชัดเจนในแง่ของความอบอุ่นและความน่าประทับใจ


ประสบการณ์เสียงที่ว่านี้น่าจะสะท้อนให้เห็นได้ในทุกมิติของการสัมผัสกับแบรนด์ออโตโมบิลี ปินินฟารินา มิใช่เพียงตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งความตื่นเต้นทั้งหลายนั้นมาจากเสียงระบบส่งกำลังอันทรงพลัง อารมณ์และแก่นแท้ต้องปรากฏให้เห็นในทุกแง่ เราจึงใช้แนวทางแบบองค์รวมในการนำความถี่ 432 เฮิรตซ์มาประยุกต์ใช้ในการสร้างประสบการณ์ให้กับแบรนด์ โดยให้เสียงที่สอดคล้องกันในทุกจุดสัมผัส



ปัญหาท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคืออะไร

แกร์รี เลน :  เราอยากทำให้คนรู้ได้ทันทีเลยว่านี่คือรถแบตติสตา เราอยากให้มีคนได้ยินและก็รู้แบบรถยังแล่นมาไม่ถึงเลยว่าเป็นเสียงของรถแบตติสตา ซึ่งน้อมรับและเชิดชูระบบส่งกำลังไฟฟ้า 100% อย่างเต็มที้ สิ่งนี้ได้รับการรังสรรค์และพัฒนาขึ้นอย่างระมัดระวังให้กับรถที่มีความพิเศษอย่างแท้จริงเช่นนี้ และสำหรับทั้งแบรนด์ด้วย โดยใช้เวลาเพียงครึ่งหนึ่งของที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ๆ ใช้ ซึ่งผู้ผลิตรถรายใหญ่ ๆ ที่ผลิตรถจำนวนมากเหล่านี้มักใช้เวลาวิจัยและออกแบบเสียงที่เป็นซิกเนเจอร์ของตนไปถึง 4-5 ปี สิ่งนี้นับเป็นปัญหาท้าทายใหญ่หลวงมาก

ทอม ฮูเบอร์ :  วิชวลดีไซน์อันงดงามคืออารมณ์อันบริสุทธิ์ รถที่มีความงดงามอย่างแบตติสตาทำให้คุณขนลุกได้ เสียงดนตรีก็เช่นกัน อารมณ์ของคนเรามีที่มาแตกต่างกันไปและเชื่อมโยงกันกับร่างกายมนุษย์ ความท้าทายจึงอยู่ที่การสร้างเสียงที่สะท้อนอารมณ์ที่หลาย ๆ คนยังไม่เคยได้สัมผัส เสียงของมอเตอร์ไฟฟ้า เราจึงเดินหน้าแก้ไขปัญหานี้ด้วยการน้อมรับสิ่งนี้อย่างเต็มที่ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเสียงที่เป็นธรรมชาติและใช้ระบบไฟฟ้า 100% ก็รื่นหูและยกระดับจิตใจได้


คุณใช้เสียงของรถแบตติสตาในการถ่ายทอดดีไซน์และความงดงามได้อย่างไร

ทอม ฮูเบอร์ :  เสียงนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นสายรอบตัวรถแบตติสตา การสร้างสรรค์เสียงนี้ในสตูดิโอได้เริ่มขึ้นจากการที่คุณลูกา บอร์ก็อกโน (Luca Borgogno) หัวหน้าฝ่ายการออกแบบของแบรนด์ ได้กำหนดไลท์โมทีฟ (Leitmotif) ขึ้นมา ซึ่งเป็นแนวทำนองสั้น ๆ ที่จะปรากฏอยู่ตลอดเวลา และนำไปลงบนโน้ตเพลงที่สะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบของแบรนด์ โดยอิงกับสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงให้เห็นผ่านเส้นโค้ง ความยาว และความกลมกลืน ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อนในบริบทนี้


สิ่งนี้ได้กลายมาเป็นเสียงของออโตโมบิลี ปินินฟารินา และแบตติสตา โดยใช้ ความถี่ 54 เฮิรตซ์เป็นเบสโน๊ต ที่ไม่เหมือนใครซึ่งปรากฏให้เห็นตลอดเวลา เพื่อสร้างความกลมกลืนระหว่างสมรรถนะกับสุขภาวะที่ดี ไม่ใช่เพียงแค่ตัวรถ นี่คือ ' เส้นเสียง ' แบบฉบับของออโตโมบิลี ปินินฟารินา



นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืออะไร

แกร์รี เลน: การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งเรายกให้เป็น ' หัวใจของเสียง ' โดยนอกจากเราจะต้องพัฒนาใหม่ตั้งแต่ต้นสำหรับรถแบตติสตาแล้ว แต่การนำไปใช้ยังมีลักษณะที่ไม่เหมือนใครด้วย เพราะต้องทำงานกับโซลูชันซอฟต์แวร์เฉพาะเพื่อให้เกิดเสียงที่มีคุณภาพสูงสุด ทั้งหมดนี้เป็นจริงได้เพราะเครื่องสังเคราะห์เสียงที่วางระบบขึ้นใหม่และปรับจูนแยกได้ รองรับระบบยานยนต์ได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นโปรไฟล์ความเร็วและแรงบิดของระบบส่งกำลัง ไปจนถึงอินพุตในการบังคับเลี้ยว นอกจากนี้ยังมีลำโพงภายนอกและภายใน 12 ตัวที่ได้รับการพัฒนามาเป็นพิเศษให้สอดรับกับเนม ออดิโอ ( Naim Audio )


ระบบลำโพงที่ว่านี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เสียงในความถี่ 54 เฮิรตซ์อันอัดแน่นด้วยคุณภาพ ตัวรถสร้างเสียงดังกล่าวแบบเรียลไทม์ สร้างประสบการณ์เสียงคุณภาพสูงที่มีความไหลลื่นให้กับผู้ที่อยู่ในตัวรถ ทั้งยังให้กราฟิกเสียงที่เป็นซิกเนเจอร์เมื่อได้ยินจากด้านนอกด้วย เสียงดังกล่าวจะส่งผ่านเข้ามาในตัวรถซึ่งทำให้ได้รับเสียงที่ฟังแล้วเป็นธรรมชาติ โดยแม้จะมีความถี่ต่ำแต่ก็ทำให้ได้ประสบการณ์เสียงแบบฉบับของรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น


ทอม ฮูเบอร์ :  เราต้องการถ่ายทอดเรื่องราวเบื้องหลังเสียงคุณภาพสูงสุดให้แก่ผู้ที่มีโอกาสได้สัมผัส เราจึงจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าเรามีซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสม เพื่อนำสิ่งที่เราได้สร้างขึ้นในสตูดิโอไปผลิตซ้ำ สิ่งนี้แตกต่างจากตอนที่ทำงานกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) อยู่มาก เพราะรถลักษณะนี้มีเสียงที่มีความเฉพาะตัวและหลากหลายกว่ามาก เสียงของรถแบตติสตาที่ฟังแล้วทำให้นึกถึงโลกอนาคตนั้นเป็นเสียงที่ไม่เหมือนใคร แต่ขณะเดียวกันก็น่าสนใจและแปลกใหม่เพราะให้พลังบวกแก่ผู้ที่มีโอกาสได้สัมผัสด้วย จะว่าไปแล้ว จะยกให้แบตติสตาเป็นเครื่องดนตรีที่มีผู้ออกแบบและปรับเสียงอย่างวิจิตรมาแล้วก็ได้ โดยมีวาทยากรและผู้ประพันธ์อยู่หลังพวงมาลัย สร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างกันตามรูปแบบการขับขี่ของตนเอง



เสียงที่ได้มานี้มีความพิเศษที่สุดอยู่ตรงไหน คุณภูมิใจกับอะไรมากที่สุด

แกร์รี เลน: ประสบการณ์เฉพาะบุคคลและดีไซน์อันงดงามเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับลูกค้าของเรา และผู้ขับขี่ก็เพลิดเพลินไปกับเสียงที่มีคุณภาพอันเป็นเลิศของรถแบตติสตาได้เท่าที่ต้องการ สิ่งนี้เป็นผลจากการทุ่มเทออกแบบและพัฒนาโดยต่อยอดจากเสียงมอเตอร์ไฟฟ้าจริง ๆ ตามการขับขี่ในโหมดต่าง ๆ


การทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้กับเสียงที่แตกต่างกันในการขับขี่โหมดต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องท้าทาย แต่เมื่อเราทำได้ก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่า สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความพยายามของทีมงาน รถแบตติสตาปรากฏให้เห็นความเฉพาะตัวสูงในทุกแง่มุม ยกระดับประสบการณ์ความหรูหราสู่มิติใหม่ ๆ ทำให้ผู้ขับขี่ดื่มด่ำกับสมรรถนะจากระบบส่งกำลังและคุณภาพวัสดุของการตกแต่งภายในอันหรูหรา ทั้งยังเพลิดเพลินกับการสื่อสารของรถและความรู้สึกที่ได้จากการขับขี่ด้วย


ทอม ฮูเบอร์: ผมคิดว่าความบริสุทธิ์ของเสียงเป็นสิ่งพิเศษมาก ๆ โดยตอนแรกนั้นเราอยากปรับเสียงให้ออกมาอยู่ที่ 432 เฮิรตซ์ แต่ความถี่ 54 เฮิรตซ์ก็ถ่ายทอดพลังอันเต็มไปด้วยความรู้สึกของรถได้ทั้งยังเป็นธรรมชาติด้วย โดยใช้ฮาร์ดแวร์ของรถเพื่อให้เบสที่ไม่ซ้ำใครและเป็นแก่นแท้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ นอกจากนี้ยังสอดรับกับสิ่งที่ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ยึดมั่นเสมอมา นั่นคือการออกแบบอย่างชัดเจน ความหรูหราอย่างยั่งยืน และสมรรถนะอันโดดเด่น


เสียงที่คิดค้นขึ้นใหม่นี้ยังสะท้อนถึงการออกแบบรถแบตติสตาและค่านิยมของแบรนด์ออโตโมบิลี ปินินฟารินาได้อย่างโดดเด่น เราไม่ได้สร้างเสียงให้รถเพียงเท่านั้น เราได้พินิจพิเคราะห์ในทุกรายละเอียดในการสร้างประสบการณ์ที่ผู้คนสัมผัสกับแบรนด์ การที่แบรนด์สื่อสารกับผู้คน และเฟ้นหา ' เสียง ' ของรถ ธีมการออกแบบและเสียงเดียวกันนี้สร้างประสบการณ์ในภาพรวม ซึ่งผมมองว่าเป็นแบบฉบับและหาจากที่อื่นไม่ได้ โดยบอกเล่าเรื่องราวสำคัญเบื้องหลังนวัตกรรมที่ออโตโมบิลี ปินินฟารินา

ใหม่กว่า เก่ากว่า