เสียวหมี่ประกาศเปิดตัวเทศกาลภาพยนตร์สั้นของตัวเองเป็นครั้งแรก ซึ่งประกอบไปด้วยภาพยนตร์สั้นที่ถ่ายทำโดยการสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ทั้งหมด โดยในภาพยนตร์แต่ละเรื่องได้ถ่ายทอดมุมมองในการใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ภายใต้วิถีชีวิตแบบ “The New Normal” หลังเกิดโรคระบาดทั่วโลก นำโดย “One Billion Views” ที่สร้างและนำแสดงโดย Arun Maini ยูทูปเบอร์และนักรีวิวสายไอทีชื่อดังชาวอังกฤษที่เป็นรู้จักในนาม “MrWhoseTheBoss” เริ่มฉายเป็นครั้งแรกในวันอังคารที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา
นับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อปี 2562 Xiaomi Studios คือโปรเจ็คที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นฮับของการผลิตและแชร์คอนเทนต์กับชาวโลกของเหล่าบรรดาครีเอเตอร์ทั้งหลาย Steven Senshan, Head of Xiaomi Studios ได้กล่าวว่า “ตอนที่เราเปิดตัว Xiaomi Studios เรามีความตั้งใจที่ไม่เพียงแค่สรรสร้างสุดยอดภาพยนตร์จากสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ แต่เรายังอยากให้พื้นที่นี้เป็นแพลตฟอร์มของเหล่าครีเอเตอร์ทั่วโลกที่จะปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ที่ถูกผลิตโดยสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ เทศกาลภาพยนตร์ Xiaomi Film Festival คือการบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่ถูกแสดงออกมาเป็นรูปแบบของอีเวนท์สุดอลังการ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ในทุกสาขาอาชีพได้มารวมตัวกันบนเวทีโลกแห่งนี้ในทุกปี และถ่ายทอดความคิดสุดล้ำให้โลกได้รับรู้”
One Billion Views ภาพยนตร์สั้นที่ฉายเป็นครั้งแรกในเทศกาล Xiaomi Film Festival กำกับโดย Arun Maini ยูทูปเบอร์และนักรีวิวสายไอทีชื่อดังชาวอังกฤษ โดย Arun ได้เล่าถึงเส้นทางการก้าวขึ้นมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์สายเทคโนโลยีแถวหน้า ซึ่งใช้เวลาถึง 10 ปี รวมถึงการที่ยอดผู้เข้าชมในช่อง YouTube Channel ของเขาที่ล่าสุดได้แตะหนึ่งพันล้านวิวเป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้เข้ากับธีม “The New Normal” ของเทศกาลภาพยนตร์ในปีนี้ Arun ได้เล่าถึงการพัฒนาตัวตนของเขาผ่านมุมมองของการเป็นครีเอเตอร์ โดยเริ่มจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ผ่านการท้าทายในรูปแบบต่าง ๆ ไปจนถึงการค้นพบตัวเองท่ามกลางพัฒนาของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน ซึ่งพัฒนาไปมากจนผู้ใช้งานคนอื่นก็สามารถสร้างและแชร์คอนเทนต์ต่าง ๆ ของตัวเองจากสมาร์ทโฟนได้ง่ายดายกว่าเดิม
“ถ้าคุณมาบอกผมตั้งแต่แรกว่าอีก 10 ปีต่อมาผมจะได้มายืนอยู่ที่จุดนี้ ผมคงหัวเราะหนักมากแน่ๆ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากรวมถึงวิกฤตโรคระบาดระดับโลกครั้งนี้ด้วย แต่ข้อดีอย่างหนึ่งที่เห็นคือมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์หน้าใหม่เกิดขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลมาจากวิธีการสร้างคอนเทนต์ที่ง่ายดาย เพียงแค่ใช้สมาร์ทโฟนในมือเท่านั้น ผมยังเชื่ออีกว่า Computational Photography และ Videography ที่เราเห็นในสมาร์ทโฟนทุกวันนี้จะกลายเป็นอนาคตของการถ่ายภาพยนตร์ เพราะไม่มีอะไรสามารถเอาชนะความสะดวกสบาย ความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อของสมาร์ทโฟนได้”
เพื่อแสดงให้เห็นว่าการสร้างคอนเทนต์สามารถเข้าถึงได้ง่ายเพียงใด การถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งหมดในเรื่องนี้ได้ถูกถ่ายขึ้นโดย Xiaomi 11 Ultra* สมาร์ทโฟนแฟล็กชิปพรีเมียมที่ได้ปฏิวัติวงการการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว และเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้เซ็นเซอร์กล้อง GN2 อีกด้วย Mike Harvey ผู้กำกับของ “One Billion Views” เลือกเทคนิคการถ่ายทำแบบ Long Take เน้นให้เห็นถึงความคล่องตัวในการเก็บภาพด้วยสมาร์ทโฟน และแสดงให้เห็นว่า ไม่มีข้อจำกัดในการถ่ายทำภาพยนตร์ในสมาร์ทโฟนอีกแล้วในปัจจุบันนี้
ไม่เพียงแค่ Arun Maini หรือ Mrwhosetheboss ที่ผลิตภาพยนตร์สั้นสำหรับเทศกาลภาพยนตร์ของเสียวหมี่ในครั้งนี้ แต่ยังรวมถึงผู้ผลิตภาพยนตร์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นครีเอเตอร์จากเสียวหมี่อย่าง Vincenzo De Caro และ Eduardo Ohara, Oscar Villaroya นักศึกษาชาวสเปนจากมหาวิทยาลัย TAI Escuela Universitaria de Artes Film รวมทั้ง Gabriele Muccino ผู้กำกับชื่อดังชาวอิตาเลียนและ บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับชื่อดังชาวไทย เจ้าของผลงานฉลาดเกมส์โกง อีกด้วย โดยรากฐานที่สำคัญของงานเทศกาลภาพยนตร์ในครั้งนี้ คือการมีส่วนร่วมของ Chris Overton ผู้กำกับชาวอังกฤษชื่อดังเจ้าของรางวัลออสการ์ ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Leader ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ตั้งคำถามในความคิดสร้างสรรค์บนโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
แม้จะมีผลงานภาพยนตร์สั้นเหล่านี้จะมีแนวทางที่แปลกใหม่ในการตอบคำถามเกี่ยวกับวิถีชีวิตแบบ “The New Normal” แต่ใจความหนึ่งเดียวจากทุกเรื่องคือ การที่พวกเขาตั้งใจที่จะเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนทว่าน่าตื่นตาตื่นใจในช่วงเวลานี้ด้วยการมองโลกในแง่ดี และหวังว่า “สิ่งมหัศจรรย์กำลังจะเกิดขึ้น”โดยสื่อสารผ่านภาพยนตร์เรื่อง One Billion Views ที่กล่าวไปข้างต้นและภาพยนตร์ต่างๆ ดังต่อไปนี้
ภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์: “Leader” โดย Chris Overton ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์
ในภาพยนตร์เรื่อง “Leader” Overton ได้สำรวจความเป็นวิถีชีวิตแบบ “The New Normal” ผ่าน Donnie ตัวละครเอกซึ่งเป็นศิลปินผู้ที่อาศัยอยู่ที่ชายฝั่งทะเลอันไกลโพ้นที่มีชีวิตอยู่เพื่อการเก็บรวบรวมพลาสติกที่ล้างแล้วมาสร้างสรรค์เป็นประติมากรรมในงานเวิร์กชอปชั่วคราวของเขา และเช่นเดียวกันกับหลาย ๆ คนบนโลกใบนี้ ที่จู่ๆ ชีวิตของเขาก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อขยะก็ได้หยุดชะงักจากการเข้ามาที่ชายฝั่งและมีคนแปลกหน้าที่สวมหน้ากากเริ่มเข้ามาเยี่ยมเยียนเขา ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจให้เกิดชีวิตแบบ “The New Normal” ให้กับคนรอบข้างเพื่อกอบกู้ทะเลกลับมา
ภาพยนตร์ของนักเรียน: Twenty Summers โดย Oscars Villarroya
Xiaomi Studios ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นเวทีระดับโลกให้กับผู้สร้างภาพยนตร์ในการแชร์วิสัยทัศน์ในด้านของวิถีชีวิตแบบ “The New Normal” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ในครั้งนี้ เสียวหมี่จึงร่วมมือกับ TAI Escuela Universitaria de Artes โรงเรียนภาพยนตร์ชื่อดังของประเทศสเปนขึ้น ความร่วมมือในครั้งนี้ทำให้ Oscar Villarroya นักเรียนในมหาวิทยาลัย สร้างสรรค์ภาพยนตร์เกี่ยวกับความวิตกกังวลที่นักเรียนอย่างเขาต้องเผชิญเมื่อต้องรับมือกับผลกระทบจากโรคระบาดครั้งใหญ่และการเปลี่ยนผ่านสู่วิถีชีวิตแบบ “The New Normal” โดยภาพยนตร์เรื่อง Twenty Summers บอกเล่าเรื่องราวการติดตามเพื่อนสนิททั้งสามคนในการเดินทางร่วมกันครั้งสุดท้ายรอบๆ ชนบทของประเทศสเปน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป แต่หนึ่งในนั้นกลับยังไม่พร้อมที่จะใช้ชีวิตแบบ “The New Normal”นั่นเอง
ภาพยนตร์ระดับภูมิภาคโดย Xiaomi Creators และผู้กำกับชื่อดัง
เทศกาลภาพยนตร์เสียวหมี่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังและ Xiaomi Creators ในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อนำเสนอการเกิดขึ้นของสมาร์ทโฟนในฐานะวิถีชีวิตแบบ “The New Normal” ในการสร้างภาพยนตร์ของผู้กำกับหน้าใหม่และผู้กำกับที่กำลังจะเกิดขึ้นทั่วโลกอย่างเช่น “The Reels Deal” โดย บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะผู้สร้างภาพยนตร์ชาวไทยชื่อดัง, “Living in a Movie” โดยเสียวหมี่ประเทศอิตาลีและผู้กำกับชาวอิตาเลียนชื่อ Muccino Gabriele “Renaissance” โดย Vincenzo De Caro หรือ Xiaomi Creator ชาวอิตาเลียนที่ให้นิยามใหม่ของชีวิตการทำงานจากที่บ้าน และ“Simply Co.” โดย Eduardo Ohara หรือ Xiaomi Creator ชาวบราซิลที่จะทำให้การใช้ชีวิตของคุณเรียบง่ายยิ่งขึ้น
โดยภาพยนตร์สั้นทั้งหมดที่จะฉายในเทศกาลภาพยนตร์มีกำหนดฉายรอบปฐมทัศน์ทางออนไลน์และเทศกาลภาพยนตร์ในครั้งนี้จะสิ้นสุดลงด้วยกิจกรรมออฟไลน์กับมหาวิทยาลัย TAI Escuela Universitaria de Artes ณกรุงมาดริด ประเทศสเปนโดยคาดว่า Oscar Villaroya จะเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
Steven Senshan ยังได้กล่าวปิดท้ายว่า “สำหรับแพลนในอนาคตของเทศกาลภาพยนต์เสียวหมี่ ผมหวังว่าพวกเราจะสามารถขยายขอบเขตของโปรเจคนี้โดยการมอบแพลตฟอร์มให้กับผู้ผลิตภาพยนตร์ได้แชร์หรือรวมทั้งการจัดการแข่งขันในส่วนของเทศกาลภาพยนตร์ได้ในอนาคต ผมยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวยแล้วเราจะสามารถจัดการฉายรอบปฐมทัศน์ได้แบบออฟไลน์ในที่ใดที่หนึ่ง (อาจเป็นประเทศไทย!) ในฐานะที่ผมเป็นคนที่หลงรักในภาพยนตร์ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผมจะได้จัดงานเทศกาลภาพยนตร์ของเสียวหมี่รอบปฐมทัศน์ในโรงภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วย”
*การเซ็ทกล้องหลังของ Mi 11 Ultra: 50MP เลนส์กล้องมุมกว้าง, 48MP Sony IMX586 เลนส์กล้องอุลตร้าไวด์, 48MP Sony IMX586 เลนส์กล้องเทเลโฟโต้