ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศเกษตรกรรมมาอย่างยาวนาน และสินค้าเกษตรยังคงเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน ในขณะเดียวกันโลกก็กำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติ อุตสาหกรรมการเกษตรจึงจำเป็นต้องปรับตัวไปสู่การเกษตรสมัยใหม่หรือที่เรียกกันว่า AgriTech โดยการนำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในด้านการผลิตและการจัดสรรทรัพยากร รวมถึงยังใช้เพื่อทำการวิเคราะห์และคาดการณ์ผลผลิตจากการเก็บข้อมูลล่วงหน้า ผ่านเทคโนโลยีหลักอย่าง IoT และ Big Data เพื่อให้เกษตรกรสามารถทำการเกษตรได้อย่างแม่นยำเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ในช่วง 3 – 5 ปีข้างหน้า AgriTech จะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมการเกษตรในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากราคาเทคโนโลยีที่ถูกลงและความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ AgriTech เข้าถึงผู้ใช้ทุกระดับตั้งแต่เกษตรกรรุ่นใหม่ สตาร์ทอัพ ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ ดังนั้น ในระยะแรกจึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานเพื่อสร้างการรับรู้พร้อมขับเคลื่อนให้เกิดการประยุกต์เทคโนโลยีกับการเกษตรได้โดยเร็ว
ด้วยเหตุนี้ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ในฐานะผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ เออาร์วี เพื่อสนับสนุนสมาร์ทดีไวซ์ ประกอบด้วย แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน เพื่อใช้ควบคู่ไปกับโซลูชันการเกษตรอัจฉริยะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผ่านการใช้เทคโนโลยีโดรน ภาพถ่ายดาวเทียม และการบริหารจัดการพื้นที่สีเขียว พร้อมผลักดันให้เกิด Digital Transformation ในวงการเกษตรกรรมไทย
Varuna กับภารกิจยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยด้วย AgriTech
Varuna แพลตฟอร์มการเกษตรแบบองค์รวมโดยบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งมีภารกิจหลักในการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยด้วยเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (AgriTech) ที่เปลี่ยนการทำเกษตรให้สะดวก สบาย ปลอดภัย ประหยัด และคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้ถึง 20% และเพิ่มผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการใช้โซลูชันครบวงจร ทั้งเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับหรือโดรน การวิเคราะห์ระบบข้อมูลข่าวสารที่เชื่อมโยงกับค่าพิกัดภูมิศาสตร์ (GIS Satellite Analytics) เเละแพลตฟอร์มการให้บริการในด้านต่างๆ (Service Platform) โดยโครงการ Smart Farmer Pilot ได้มีการนำ “เจ้าเอี้ยง” โดรนอัจฉริยะสำหรับการฉีดพ่นปุ๋ยในแปลงเกษตร ร่วมกับโซลูชันต่างๆ พร้อมนำร่องโครงการฯ ที่ไร่แสนสุขคาเฟ่ จ.ปทุมธานี เพื่อแนะนำให้เกษตรกรได้รู้จักและทดลองใช้โซลูชันเหล่านี้กับนาข้าวในระยะเวลา 5 เดือน ตั้งแต่ พฤษภาคม จนถึง กันยายน และขยายผลสู่กิจกรรมฝึกอบรมการใช้งานและควบคุมโดรนสำหรับฉีดพ่นปุ๋ยในแปลงเกษตรไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
นายธนา สราญเวทย์พันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า “โครงการ ARV x Samsung CSR Collaboration Project เป็นโครงการร่วมกับบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด โดยดำเนินกิจกรรมนำร่องเกี่ยวกับการให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมกับกลุ่มเกษตรกร พร้อมส่งเสริมการพัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีสำหรับจัดการธุรกิจตามแนวคิดเกษตรอัจฉริยะ หรือ Smart Farming ผ่านการใช้เทคโนโลยีของหน่วยธุรกิจในเครือเออาร์วี ที่ชื่อ “วรุณา (VARUNA)” เพื่อยกระดับผลผลิตและการบริหารจัดการแปลงเกษตรให้ตอบสนองความต้องการของเกษตรกร ผ่านการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ซึ่งมีจุดเด่นทั้งในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล การฉีดพ่นปุ๋ยน้ำที่มีความแม่นยำและทั่วถึง ตลอดจนสามารถเก็บข้อมูลจากพื้นที่ผ่านภาพถ่ายเพื่อนำมาวิเคราะห์แผนในการปรับปรุงการเพาะปลูกได้ ควบคู่กับการใช้แอปพลิเคชัน “VARUN” ซึ่งเป็นแอปฯ ที่เกษตรกรสามารถบันทึกข้อมูล กิจกรรม ติดตามสุขภาพพืช และประเมินผลผลิตได้ด้วยตัวเอง โดยนำร่องในพื้นที่ไร่แสนสุขคาเฟ่ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี บนพื้นที่ที่มีการปลูกข้าวจำนวน 33 ไร่
ทั้งนี้ เออาร์วี ได้เล็งเห็นพาร์ทเนอร์อย่าง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำทางด้านสมาร์ทดีไวซ์บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ได้รับการยอมรับถึงประสิทธิภาพการใช้งานจากผู้ใช้งานจริง สอดคล้องกับการที่ปัจจุบัน แอปพลิเคชันของเออาร์วีทั้งหมดได้พัฒนาขึ้นบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เราจึงมีความตั้งใจที่จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากทั้งสองฝ่ายมาผนึกกำลังกันเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้ เพื่อสร้างมิติใหม่ด้านเทคโนโลยีเพื่อการเกษตร ส่งเสริมศักยภาพเกษตรกรไทย และสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมเกษตรกรรมของไทย
Internet of Things อนาคตใหม่ของเทคโนโลยีการเกษตร
ปัจจุบันเทคโนโลยี IoT ในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตไม่ได้หยุดอยู่แค่การใช้งานเพื่อเชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์การเกษตรเพื่อควบคุม สั่งการ ทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนการเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์และพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรได้เช่นกัน ซึ่งซัมซุงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำเกษตรยุคใหม่ผ่านนวัตกรรมบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ จึงได้สนับสนุนสมาร์ทดีไวซ์ทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเพื่อใช้งานควบคู่กับโชลูชันของ Varuna ในการช่วยควบคุมโดรนอัจฉริยะ การเก็บภาพและข้อมูลการฉีดพ่นปุ๋ยในแปลงเกษตร ตลอดจนการใช้งานแอปพลิเคชันในการบริหารจัดการและติดตามกิจกรรมบนแปลงเกษตรให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของซัมซุง
ปารมี ทองเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “หนึ่งในพันธกิจของซัมซุงคือการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมสร้างการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมโลกให้ดีกว่าเดิม การร่วมมือกับทางเออาร์วีในครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของซัมซุงที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพของเกษตกรไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ และแสดงให้เห็นว่าสมาร์ทดีไวซ์อย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์การสื่อสารเท่านั้น แต่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้อย่างหลากหลายตามความต้องการและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนได้อย่างแท้จริง”
แก้ Pain Point ของเกษตรกรได้อย่างตรงจุดด้วยเทคโนโลยี
นวิมล อัดทอง เจ้าของไร่แสนสุขคาเฟ่ จ.ปทุมธานี กล่าวว่า “หลังจากได้ทดลองใช้โซลูชันของ Varuna ในการใช้โดรนช่วยฉีดพ่นปุ๋ยในแปลงนาทำให้ต้นข้าวมีคุณภาพขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากกระจายปุ๋ยได้ทั่วถึงทั้งแปลงนา ต้นข้าวจึงได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังประหยัดต้นทุนทั้งวัตถุดิบและแรงงาน เพราะสามารถคำนวณปริมาณปุ๋ยที่ต้องใช้ต่อพื้นที่ได้ทันที โดยใช้คนบังคับโดรนแค่ 1 – 2 คน เท่านั้นก็สามารถฉีดพ่นได้ครอบคลุมถึง 40 – 50 ไร่ รวมถึงยังช่วยลดปัญหาสุขภาพของแรงงาน ไม่ต้องเสี่ยงรับสารเคมีโดยตรงหรือสะพายถังน้ำยาพ่นตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังสามารถติดตามการเจริญเติบโตและสุขภาพพืชด้วย NDVI ผ่านเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมบนแอปพลิเคชัน VARUN ได้อีกด้วย เมื่อแปลงข้าวมีปัญหาก็สามารถแก้ไขปัญหาพร้อมควบคุมโรคได้อย่างตรงจุดและทันท่วงที และด้วยประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจากซัมซุงช่วยให้ใช้งานโซลูชันนี้ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย”
ภาคเกษตรกรรมนับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในฐานะฐานรากที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น เทคโนโลยีจึงเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยพัฒนาผลผลิตทางการเกษตร สร้างเกษตรกรยุคใหม่ (Smart Farmer) ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรของไทย ตลอดจนช่วยให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทย (GDP) เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต