ในขณะที่การระบาดครั้งใหญ่นี้ส่งผลให้ธนาคารดิจิทัลเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้นเหนือสิ่งอื่น ๆ มิจฉาชีพก็รีบฉวยโอกาสปฏิบัติการหลอกลวงประชาชนด้วยเช่นกัน ในสิงคโปร์ มีกรณีการหลอกลวงผ่านการทำธุรกรรมของธนาคารเพิ่มขึ้นหลังจากเกิดการระบาด ลูกค้าจึงเสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและโดนหลอกลวงด้วยรูปแบบต่างๆ
ในฐานะที่ธนาคาร OCBC เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานต่อต้านการฉ้อโกง ธนาคารได้นำระบบเฝ้าระวังการฉ้อโกง (FSS: Fraud Surveillance System) มาใช้ ซึ่งระบบ FSS ได้รับการพัฒนาร่วมกับบริษัทซอฟต์แวร์ด้านระบบวิเคราะห์ชั้นนำ SAS Institute โดยผสานรวมข้อมูลที่ยืดหยุ่นและระบบวิเคราะห์เครือข่าย ตลอดจนเทคนิคการเฝ้าระวังที่ทันสมัยเข้าไปเพื่อตรวจสอบกิจกรรมและธุรกรรมของลูกค้า
ธนาคาร OCBC และ SAS ทำงานร่วมกันด้วยการประยุกต์ใช้ระบบ FSS แบบทีละขั้นทีละตอน เพราะเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการของธนาคารเพื่อตรวจสอบกิจกรรมและธุรกรรมของลูกค้า ซึ่งจะส่งผลให้ประสบการณ์ของลูกค้าและผลการปฏิบัติงานดียิ่งขึ้น
การดำเนินการครบวงจร
ความสามารถของโซลูชันนี้ประกอบไปด้วยการสนับสนุนการทำงานด้านการตรวจจับ การพัฒนาแก้ไขเชิงสืบสวน และการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากการที่ลูกค้าอาจถูกฉ้อโกงด้วยเทคนิคการวิเคราะห์หลากรูปแบบ ซึ่งรวมถึงการสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์ การทำเหมืองข้อความ และการวิเคราะห์ลิงก์เครือข่าย และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเทคนิคเหล่านี้ช่วยให้สามารถระบุรูปแบบทั้งที่ระบบรู้จักและไม่รู้จักในเชิงรุกได้
ความสามารถแบบครบวงจรของระบบ FSS ช่วยให้สามารถตรวจสอบธุรกรรมของลูกค้าและการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ได้ การตรวจสอบยังสามารถดำเนินการได้ในหลายช่องทาง ได้แก่ ATM CASA ธนาคารออนไลน์ โมบายแบงกิ้ง การโอนเงินผ่านธนาคาร และธุรกรรมขององค์กร ดังนั้นเราจึงสามารถทำงานร่วมกันได้ทั่วทั้งระบบปฏิบัติงานของธนาคาร OCBC ในหลายประเทศด้วยการใช้ระบบ FSS
ด้วยการเป็นส่วนสำคัญของแผนงานต่อต้านการฉ้อโกงของธนาคาร OCBC Bank ระบบ FSS จึงมีบทบาทสำคัญในการกู้คืนธุรกรรมที่ถูกฉ้อโกงไป ซึ่งมีมูลค่าถึงประมาณ 8 ล้านดอลลาร์ในปีแรกที่เริ่มใช้งานโดยและเฉพาะในสิงคโปร์เท่านั้น
ในปี 2563 ธนาคาร OCBC รายงานว่า ทางธนาคารสามารถป้องกันไม่ให้เงินมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ตกไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพด้วยการใช้แผนงานต่อต้านการฉ้อโกง ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงได้รับการยกย่องจากหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ และยังได้รับรางวัลจากกรมตำรวจสิงคโปร์ถึง 27 รางวัลเพราะสามารถป้องกันการฉ้อโกงรูปแบบต่าง ๆ ได้
กลยุทธ์การป้องกันการฉ้อโกงหลากรูปแบบนี้เกี่ยวข้องกับมาตรการต่าง ๆ และกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะมีการผสานรวมเทคโนโลยีล่าสุด วิธีการตรวจจับแบบดั้งเดิม และพนักงานผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในแต่ละสาขาที่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากจะใช้เทคโนโลยีรุ่นล่าสุดแล้วนั้น ธนาคารยังได้ขยายขอบเขตการตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการต่อต้านการฉ้อโกง พัฒนาแผนงานด้านการศึกษาเพื่อสร้างการรับรู้เรื่องการฉ้อโกงในกลุ่มพนักงาน และต่อยอดโครงการการแจ้งเบาะแสให้ออกไปสู่สาธารณชนอีกด้วย ทั้งนี้การจัดการความเสี่ยงเชิงรุกยังคงเป็นวิธีหลักที่ธนาคารให้ความสนใจโดยเน้นที่กลุ่มลูกค้าที่อาจถูกหลอกลวงได้
ด้วยปริมาณการใช้ธนาคารออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาด ธนาคาร OCBC เผยว่า มีจำนวนบัญชีลูกค้าที่เปิดบัญชีแบบดิจิทัลเพิ่มขึ้นมากกว่า 160% ในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2562
มากกว่านั้น ธนาคาร OCBC มีความมุ่งมั่นที่จะให้ระบบ FSS เป็นส่วนหนึ่งในการใช้เทคโนโลยีเพื่อต่อสู้กับการฉ้อโกง เพราะทางธนาคารตระหนักดีว่า แม้ว่าธนาคารจะไม่รับผิดชอบต่อการดำเนินธุรกรรมของลูกค้าบนช่องทางดิจิทัล แต่ก็ได้ลงทุนในเทคโนโลยีนี้เพื่อช่วยลูกค้าไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพได้ ทั้งนี้ธนาคาร OCBC ถือเป็นผู้ที่ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีในระดับแนวหน้ามาอย่างยาวนานและเป็นธนาคารแห่งแรกในสิงคโปร์ที่ใช้ระบบ AI อีกทั้งการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อต่อกรกับอาชญากรรมทางการเงิน และนับว่าเป็นธนาคารแห่งแรกที่เริ่มตั้งหน่วย AI ของตัวเองในประเทศอีกด้วย
คณะทำงานด้านความเสี่ยงในการปฏิบัติการของกลุ่มธนาคาร OCBC ได้เพิ่มมาตรการการเฝ้าระวังการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ไปยังสาขาต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงบริษัทในเครือ OCBC ที่ฮ่องกง ได้แก่ ธนาคาร Wing Hang (เมษายน 2564) และสาขาย่อย OCBC Hong Kong (พฤษภาคม 2564) นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวจะพร้อมให้บริการในแต่ละสาขาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทยและเวียดนาม (ปลายปี 2564)
ด้วยทางธนาคารและ SAS พยายามตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงเชิงรุก ทั้งสองจึงได้รับรางวัล Branch Innovation of the Year และ Online Banking Initiative of the Year ในงานมอบรางวัล Asian Banking and Finance Retail Banking Awards 2021 ณ ประเทศสิงคโปร์