อินเทล คอร์เปอร์เรชั่น เปิดเผยแผนกลยุทธ์ด้
นายแพท เกลซิงเกอร์ ประธานกรรมการบริหารของอินเทล กล่าวในเว็บคาสต์ Intel Accelerated ที่มีการถ่ายทอดไปทั่วโลกว่า “จากความเป็นผู้นำของอินเทลในด้
ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540 อุตสาหกรรมการผลิตมีการยอมรับว่
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของอิ
- Intel 7 มอบประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้
นประมาณ 10%-15% ต่อวัตต์ เมื่อเทียบกับ Intel 10nm SuperFin อ้างอิงจากการปรับแต่งทรานซิ สเตอร์ FinFET โดย Intel 7 จะถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น Alder Lake สำหรับลูกค้าในปีพ.ศ. 2564 และ Sapphire Rapids สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิ ตในช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ. 2565 - Intel 4 ใช้เทคโนโลยีกระบวนการพิมพ์ด้
วยการฉายแสงอัลตราไวโอเลต (Extreme Ultraviolet Lithography) ในการพิมพ์รูปแบบขนาดเล็กด้ วยแสงความยาวคลื่นสั้นพิเศษ โดย Intel 4 ซึ่งมากับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้ นประมาณ 20% ต่อวัตต์ พร้อมด้วยการปรับปรุงภายในพื้ นที่ จะพร้อมผลิตในช่วงครึ่งหลั งของปีพ.ศ. 2565 เพื่อเตรียมจัดส่งในปีพ.ศ. 2566 จะถูกรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น Meteor Lake สำหรับลูกค้า และ Granite Rapids สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ - Intel 3 ใช้ประโยชน์เพิ่มเติมจากการเพิ่
มประสิทธิภาพ FinFET และเพิ่ม EUV ที่มีมากกว่า Intel 4 เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้ นประมาณ 18% ต่อวัตต์ พร้อมกับการปรับปรุงพื้นที่เพิ่ มเติม โดย Intel 3 จะพร้อมผลิตในช่วงครึ่งหลั งของปีพ.ศ. 2566 - Intel 20A เตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคอังสตรอม (Angstrom) ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า 2 ประเภท ได้แก่ RibbonFET และ PowerVia โดย RibbonFET เป็นการนำทรานซิสเตอร์ Gate All Around ของ Intel ไปใช้ ซึ่งจะเป็นสถาปัตยกรรมทรานซิ
สเตอร์ใหม่ตัวแรกของอินเทล นับตั้งแต่บริษัทฯ เริ่มคิดค้น FinFET ในปีพ.ศ. 2554 ซึ่งเทคโนโลยีนี้ช่วยให้การเปลี่ ยนทรานซิสเตอร์ทำได้เร็วขึ้น โดยให้กระแส drive current เท่าเดิมแต่ใช้พลังงานน้อยลง ส่วน PowerVia โดยอินเทล เป็นการจ่ายพลังงานแบบ backside power delivery รายแรกของอุตสาหกรรมที่เพิ่ มประสิทธิภาพการส่งสั ญญาณโดยการขจัดความจำเป็ นในการกำหนดเส้นทางพลังงานที่ด้ านหน้าแผ่นวงจรเวเฟอร์ โดยคาดว่า Intel 20A จะได้รับความนิยมสูงขึ้นในปี พศ. 2567 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรู้สึกตื่นเต้นกั บโอกาสในการเป็นพันธมิตรกับ Qualcomm ที่จะเริ่มใช้เทคโนโลยี Intel 20A ด้วยเช่นกัน - สำหรับปีพ.ศ. 2568 และปีต่อๆ ไป นอกเหนือจาก Intel 20A แล้ว Intel 18A ได้อยู่ในระหว่างการพัฒนาสำหรั
บช่วงต้นปีพ.ศ. 2568 พร้อมกับการปรับแต่ง RibbonFET ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของทรานซิ สเตอร์ให้เพิ่มมากขึ้น โดยอินเทลกำลังเตรียมพร้ อมในการกำหนด สร้าง และปรับใช้เครื่องมือ EUV รุ่นต่อไปที่เรียกว่า High Numerical Aperture EUV และคาดว่าจะได้รับเครื่องมื อการผลิตเครื่องแรกในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ อินเทลกำลังเป็นพันธมิตรอย่ างใกล้ชิดกับ ASML เพื่อรับรองความสำเร็จของการพั ฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวที่ นอกเหนือไปจาก EUV รุ่นปัจจุบัน
ดร. แอน เคลเลอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่
การบรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งที่มี
- EMIB ยังคงเป็นผู้นำด้านอุ
ตสาหกรรมของโซลูชันบริดจ์ 2.5D แบบฝังตัว ด้วยการจัดส่งผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2560 โดย Sapphire Rapids จะเป็นผลิตภัณฑ์ศูนย์ข้อมูล Xeon ตัวแรกที่จะถูกจัดส่งในปริ มาณมากพร้อมกับเทคโนโลยี EMIB (embedded multi-die interconnect bridge) นอกจากนี้ยังเป็นอุปกรณ์ ขนาดเรติเคิลคู่ (dual-reticle-sized device) เครื่องแรกในอุตสาหกรรม ด้วยประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกั บการออกแบบเสาหิน (monolithic design) นอกเหนือจาก Sapphire Rapids แล้ว EMIB รุ่นต่อไปจะเปลี่ยนจากระยะ bump pitch จาก 55 ไมครอน เป็น 45 ไมครอน - Foveros ใช้ประโยชน์
จากความสามารถในการบรรจุภัณฑ์ ระดับแผ่นเวเฟอร์เพื่อมอบโซลูชั นการซ้อนชิป 3 ชั้น (3D stacking) ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดย Meteor Lake จะเป็นการนำ Foveros รุ่นที่สองไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ ของลูกค้า โดยมีระยะ bump pitch ที่ 36 ไมครอน ร่วมกับแผ่นกระเบื้องที่ครอบคลุ มโหนดเทคโนโลยีหลายตัว และช่วงกำลั งการออกแบบระบบระบายความร้อนตั้ งแต่ 5W ถึง 125W - Foveros Omni เปิดตัว Foveros รุ่นต่อไป โดยมอบความยืดหยุ่นที่ไร้
ขอบเขตด้วยเทคโนโลยี 3D stacking ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเชื่ อมต่อระหว่างกัน และการออกแบบโมดูลาร์แบบแผ่นต่ อแผ่น (die-to-die) โดย Foveros Omni ช่วยให้สามารถแยกชิ้นส่วนแม่พิ มพ์ ด้วยการผสมแผ่นแม่พิมพ์หลายแผ่ นที่อยู่ด้านบนกับแผ่ นฐานหลายแผ่นแบบผสม ในโหนด fab โดยคาดการณ์ว่าจะพร้อมสำหรั บการผลิตในปริมาณมากภายในปีพ.ศ. 2566 - Foveros Direct ขับเคลื่อนไปสู่การประสานระหว่
างทองแดงสำหรับการเชื่อมต่อที่ มีความต้านทานต่ำรวมถึ งเบลอขอบเขตระหว่างตำแหน่งสิ้ นสุดของแผ่นเวเฟอร์และตำแหน่ งเริ่มต้นของบรรจุภัณฑ์ Foveros Direct เปิดใช้งานด้วยระยะ bump pitch ที่ต่ำกว่า 10 ไมครอน โดยให้ลำดับความสำคัญเพิ่มขึ้ นด้านความหนาแน่นของการเชื่อมต่ อสำหรับ 3D stacking ซึ่งเป็นการเปิดแนวคิดใหม่สำหรั บการแบ่งพาร์ติชันแบบใช้งานได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้ Foveros Direct เป็นส่วนเสริมของ Foveros Omni และคาดว่าจะพร้อมผลิตในปีพ.ศ. 2566
ความก้าวหน้าที่กล่าวถึงในวันนี้
อินเทลได้จบการถ่ายทอดเว็บคาสต์
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกั