ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หลายคนคงคุ้นเคยกับการทำงานแบบ Remote Working จนมองว่าเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้คาดการณ์ว่ารูปแบบการทำงานดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคต และจะกลายเป็นโมเดลการทำงานแนวใหม่ หรือ Hybrid Working ที่ผสมผสานข้อดีของทั้งสองแบบเข้าด้วยกัน นั่นก็คือการได้เข้าออฟฟิศเพื่อไปพบเจอกับเพื่อนร่วมงาน ในขณะที่บางวันก็สามารถทำงานจากที่บ้านได้เช่นกัน
ดังนั้น เมื่อพื้นที่สำหรับทำงานมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้านยุคใหม่ ซัมซุงจึงขอส่งเคล็ด(ไม่)ลับ 3 ข้อ สำหรับคนที่คิดจะปรับแต่งบ้าน เพื่อทำให้พื้นที่แห่งนี้เป็นทั้งที่ทำงานและพักผ่อนหย่อนใจที่มอบความสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพไปพร้อมกัน
1. จัดพื้นที่ทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพไปอีกขั้น
ให้การทำงานที่บ้านมีประสิทธิภาพกว่าที่เคยด้วยเคล็ดลับดีๆ และการลงทุนกับอุปกรณ์ที่ใช่ เพิ่มสมรรถนะให้อุปกรณ์ทำงานการจำกัดพื้นที่ทำงานบนหน้าจอแล็ปท็อปขนาดเล็กเป็นเวลาหลายชั่วโมง อาจส่งผลต่อสายตา รวมถึงบริเวณคอ บ่า และไหล่ได้ ด้วยเหตุนี้ การมองหาจอมอนิเตอร์เสริมสักเครื่องมาทำงานร่วมกับแล็ปท็อปจึงเป็นไอเดียที่น่าสนใจเช่นกัน
ยกระดับประสิทธิภาพการทำงานไปอีกขั้นด้วยซัมซุง Smart Monitor (สมาร์ทมอนิเตอร์) ที่มาพร้อมคุณสมบัติรอบด้านอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ให้ผู้ใช้สามารถทำงาน เรียน และรับชมความบันเทิงได้ครบบนจอเดียว อีกทั้งยังสามารถใช้งานแอปพลิเคชัน Microsoft Office 365 ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์พีซี จึงสามารถเรียกดู แก้ไข และบันทึกเอกสารบนคลาวด์ได้โดยตรงผ่านจอมอนิเตอร์ที่ใหญ่ขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังสามารถทำงานต่อบนสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย ทั้งการเช็คอีเมลล์ หรือจดบันทึกเพิ่มเติมด้วยปากกา S Pen
เพื่อประสบการณ์แบบเดสก์ท็อปอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับจอมอมิเตอร์ได้ด้วย Samsung DeX พร้อมใช้งานแอปฯ ด้านการทำงานอื่นๆ เช่น การประชุมวิดีโอคอล หรือการจัดการเอกสาร เพื่อปลดล็อคการทำงานเสมือนมีคอมพิวเตอร์อีกเครื่อง
หลังส่งงานชิ้นสุดท้ายของวันแล้ว ก็ให้รางวัลตัวเองด้วยการดูซีรี่ส์โปรดบน Netflix, Viu, AIS Play, YouTube หรือแพลตฟอร์มยอดนิยมอื่นๆ บน Smart Monitor ได้เลยผ่าน Entertainment Hub เพียงกดที่ปุ่มเดียวหรือสั่งการด้วยเสียงบนรีโมทคอนโทรลเท่านั้น
แยกพื้นที่ทำงานและวางแผนกิจวัตรประจำวัน
แน่นอนว่าบ้านของเราถูกออกแบบมาเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนและใช้เวลากับคนที่เรารัก ซึ่งหากพื้นที่ทำงานนั้นตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน อาจทำให้ไม่มีสมาธิเท่าที่ควร หรือไม่ก็อาจจะอยากจะทิ้งตัวลงนอนพักผ่อนบนเตียงที่อยู่ข้างๆ แทนก็เป็นได้
ดังนั้น การจัดพื้นที่สำหรับทำงานให้เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยสร้างบรรยากาศให้เราเข้าสู่ "โหมดทำงาน" ได้ง่ายขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่มีห้องสำหรับจัดเป็นโฮมออฟฟิศโดยเฉพาะ เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่แทนได้ อย่างเช่น การเลือกมุมเงียบๆ ในห้องที่หันหน้าออกห่างจากสิ่งล่อใจ อย่าง เตียงนอนหรือทีวี เป็นต้น
นอกจากนี้ อีกหนึ่งเคล็ดลับในการแยกงานออกจากการพักผ่อน คือการกำหนดเวลาทำงานอย่างชัดเจนและแจ้งชั่วโมงทำงานของเรากับเพื่อนร่วมงาน หรือจะลองแต่งตัวเช่นเดียวกับเวลาไปทำงาน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นชุดลำลองเพื่อพักผ่อนหลังเลิกงานก็ทำได้ด้วยเช่นกัน
อีกข้อที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการหาเวลาเบรกบ้างระหว่างวัน เช่นการพักเล่นเกมสั้นๆ บนสมาร์ทโฟน หรือจะเปลี่ยนมาเล่นบนจอซัมซุง Smart Monitor ก็สามารถทำได้เช่นกัน ด้วย Tap View ฟีเจอร์ที่ทำให้การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับจอนั้นง่ายดายในสเต็ปเดียว แต่อย่าเล่นเพลินจนเลยเวลาพักเบรกล่ะ!
2. โฟกัสได้มากขึ้น
เพิ่มประสิทธิภาพขณะทำงานที่บ้านด้วยการจดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้า ไม่วอกแวกไปกับสิ่งเร้ารอบตัวลดสิ่งกวนใจในช่วงเวลางานสิ่งที่รบกวนใจคนทำงานที่บ้านมากที่สุดอย่างหนึ่งคงหนีไม่พ้นงานบ้านและกิจกรรมอื่นๆ ภายในบ้าน
หากต้องการลดกิจวัตรที่กวนใจเหล่านี้ ซัมซุงขอแนะนำให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Samsung SmartThings ผู้ช่วยที่ให้คุณควบคุมอุปกรณ์ในบ้านทั้งหมดในซัมซุงอีโคซิสเต็มได้อย่างง่ายดายผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการเช็คพัสดุที่มาส่งผ่านกล้องของ Smart Doorbell หรือกริ่งประตูอัจฉริยะ ปรับอุณหภูมิในห้อง หรือแม้กระทั่งดูสถานะของเครื่องซักผ้า ก็สามารถทำได้ไม่รู้จบกับ SmartThings!
ให้หุ่นยนต์ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
สภาพแวดล้อมที่สะอาดเป็นจุดเริ่มต้นของสมองที่ปลอดโปร่ง แต่งานบ้านมักทำให้เราเสียเวลาไปไม่น้อย ดังนั้น อีกหนึ่งเคล็ดลับคือการลงทุนซื้ออุปกรณ์สักชิ้นเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหนักแทน ระหว่างที่เรากำลังจดจ่อกับงานบนโต๊ะ
เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยหุ่นยนต์ดูดฝุ่น POWERbot™ กับแรงดูด 10W ที่จะช่วยกำจัดฝุ่นได้อย่างทั่วถึงระหว่างที่เรานั่งทำงาน ในขณะเดียวกันเครื่องซักผ้าฝาหน้าจากซัมซุงที่มาพร้อมเทคโนโลยี QuickDrive™ จะช่วยซักผ้าให้สะอาดและเสร็จไวภายใน 39 นาที ซึ่งจะทำให้เราหมดกังวลและมีเวลาโฟกัสกับงานได้มากขึ้น
3. รักษาสุขภาพและออกกำลังกาย
รู้หรือไม่ว่า การออกกำลังกายนั้นมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเช่นกัน ลองใช้เวลาที่เหลือจากการที่ไม่ต้องเดินทางไป-กลับออฟฟิศมาออกกำลังกายกันดีกว่า เพราะสารเอ็นดอร์ฟินที่หลั่งออกมาหลังออกกำลังกายจะช่วยให้สุขภาพใจแข็งแรงไปด้วย
เมื่อรู้สึกเครียดกับงานที่ถาโถมมากเกินไป หันมาเพิ่มพลังด้วยการออกกำลังกายพร้อมกับสมาร์ทวอทช์อย่าง Galaxy Watch3 ที่นำฟีเจอร์เทียบเท่าสมาร์ทโฟนและเทคโนโลยีชั้นนำด้านสุขภาพมาใช้ในการตรวจวัดและส่งข้อมูลสถิติที่สำคัญไปยังสมาร์ทโฟนซัมซุงของคุณ
ลงทุนกับสุขภาพ
เนื่องจากเวลาส่วนใหญ่ของวันหมดไปกับการนั่ง การลงทุนกับเก้าอี้ทำงานที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomic chair) สามารถช่วยซัพพอร์ทหลังและเพิ่มความนุ่มสบาย ทำให้มีแรงทำงานต่อได้ตลอดทั้งวัน หรือหากรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อนั่งติดต่อกันเป็นเวลานาน ให้ลองสลับระหว่างนั่งและยืนกับโต๊ะที่สามารถปรับระดับความสูงได้ ก็ช่วยได้เช่นกัน
เคล็ดลับง่ายๆ ในวันที่งานรัดตัว
เพราะเทรนด์การทำงานแบบไฮบริดมีแนวโน้มที่จะอยู่กับเราไปอีกนาน การปรับตัวให้เข้ากับวิถีใหม่จึงสำคัญอย่างมาก ทั้งนี้ ด้วยแนวทางที่ถูกต้องและอุปกรณ์ที่เหมาะสม ทุกคนก็จะสามารถปรับตัวเข้าสู่ไลฟ์สไตล์การทำงานแบบไฮบริดได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและพร้อมทำงานร่วมกันได้ไม่ว่าจะที่ทำงานหรือที่บ้านนั่นเอง