ห่างหายไปนานจากบทความรีวิวนะครับ และในวันนี้ผมจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่มาพร้อมกับขุมพลังระดับ Snapdragon 600 ซีรี่ย์ กับแบตเตอรี่ที่อึดกว่าใครด้วยแบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh ในรุ่น Xiaomi Redmi 9T และสำหรับท่านใดที่ไม่สะดวกในการอ่านบทความรีวิวสามารถรับชมรีวิวในรูปแบบวิดีโอได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ
- In The Box -
สำหรับภายในกล่องของ Xiaomi Redmi 9T นั้นประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง Redmi 9T, สายชาร์จ USB-A to USB-C, หม้อแปลงกำลังไฟ 22.5W (แต่ว่ามือถือเครื่องนี้รองรับไฟสูงสุดที่ 18W เท่านั้น), เข็มจิ้มซิม, คู่มือ, ใบประกัน, และเคสใส
โดยเคสใสของ Redmi 9T นั้นมาพร้อมกับที่ผิดช่องชาร์จ เป็นจุดที่ผมชอบมากเพราะมันช่วยเรื่องของการกันฝุ่นเข้าพอร์ตชาร์จได้เป็นอย่างดี นึกถึงเคสแถมของมือถือสมัยก่อนที่จะต้องมีที่ปิดช่องชาร์จมาให้เลย
Redmi 9T ในรุ่นสีส้มที่ได้มารีวิวนั้นเป็นการเล่นสีที่มีความฉูดฉาดสวยงาม ดูสนุกตลอดเวลา กับวัสดุฝาหลังและขอบเครื่องแบบพลาสติกชิ้นเดียวที่มีการเล่นลายที่ฝาหลังให้มีพื้นผิวแบบเป็นเส้นเล็กๆเรียงติดกันทำให้เวลาจับถือหรือวางไว้บนพื้นเอียงจะไม่เกิดอาการลื่นตกลงมา และช่วยให้การจับถือนั้นมีความกระชับมากกว่าพื้นผิวที่มีความมันเงา
และกล้องหลัง 4 ตัวที่มองดูผิวเผินจะเหมือนว่าเรียบเนียนไปกับแถบดำด้านหลังของกล้อง เหมือนเป็นแผ่นเลนส์ชิ้นเดียวกัน แต่เอาเข้าจริงแล้วจะมีความนูนออกมาจากแถบดำข้างหลังกล้องนิดนึง และกล้องมีความละเอียดสูงสุดที่ 48 MP f/1.79 สำหรับกล้องหลัก และกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 8MP f/2.2 มีมุมมองที่กว้างถึง 120 องศา และกล้องอีก 2 ตัวความละเอียด 2MP ทั้งคู่ทำหน้าที่สำหรับการถ่ายมาโคร และการวัดระยะในการถ่าย Portrait รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ Full HD 30fps พร้อมไฟ LED แฟลชจำนวน 1 ดวง
ปุ่มต่างๆนั้นจะถูกวางไว้ที่ฝั่งด้านขวาทั้งหมด (เมื่อมองจากด้านหน้าของจอ) และมีการนำสแกนลายนิ้วไว้อยู่ที่ปุ่มพาวเวอร์อีกด้วย เพิ่มความปลอดภัยต่อตัวเครื่องเราได้ในระดับนึง และความเร็วในการเปิดเครื่องถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ตอบสนองได้น่าพอใจ
ด้านบนของตัวเครื่องนั้นมาพร้อมกับไมโครโฟน 1 ตัว, พอร์ตที่หายากในสมัยนี้กับ Audio Jack 3.5 มม. สำหรับการฟังเพลง และ IR Blaster สำหรับการใช้งานเป็นรีโมทที่ถือว่ามีทุกอย่างที่ครบถ้วนในการใช้งานจริงๆ
และด้านล่างของตัวเครื่องมาพร้อมกับ ลำโพง 1 ตัวสำหรับฟังเพลง และพอร์ตชาร์จที่ให้มาแบบ USB-C รองรับการชาร์จไฟ 18W เป็น USB เวอร์ชั่น 2.0 สามารถใช้งานร่วมกับ USB OTG ได้ และไมโคณโฟนอีก 1 ตัว
ด้านหน้าของตัวเครื่องมาพร้อมกับหน้าจอแบบหยดน้ำ LCD ขนาดใหญ่ถึง 6.53" พร้อมการเลือกใช้กระจกกันกระแทก Gorilla Glass 3 ที่มีเคลือบฟิล์มมาจากโรงงานเลย โดยหน้าจอของ Redmi 9T มีความละเอียดในระดับ Ful HD ในอัตราส่วน 19.5:9 มีความสว่างหน้าจอสูงสุดที่ 400 nits อาจสู้แสงจ้ามากๆได้ไม่ดีเท่าไหร่ ทำให้เวลามองจอตอนแสงจ้าต้องเพ่งมากในระดับนึง และ Redmi 9T นั้นรองรับการรับชม Netflix HD พร้อมลำโพงด้านที่ทำงานเป็นอีกหนนึ่งลำโพงในการขับเสียงทำให้ Redmi 9T เป็นสมาร์ทโฟนในระดับเริ่มต้นที่มีลำโพงคู่ในการรับฟังความบันเทิงอย่างสะใจ
กล้องหน้าของ Redmi 9T วางในตำแหน่งตรงกลางควาามละเอียด 8MP รองรับการถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด Full HD 30fps และถาดซิมที่มีสามารถใส่นาโนซิม 2 ซิม และ microSD ได้พร้อมกันในทีเดียวตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
- Experience -
ประสบการณ์ตรงจากการพกใช้งาน Redmi 9T ถือว่าพอรับได้เลยสำหรับสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับแรม 4GB เนื้อที่ภายในแบบ 64GB UFS2.1 ( รุ่น 128GB ใช้งานเป็น UFS2.2) กับขุมพลัง Snapdragon 662 ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอพที่หากเราใช้งานทีละแอพและปิดทุกครั้ง ถือว่าทำงานได้อย่างลื่นไหลสบายๆ แต่ถ้าเกิดช่วงที่เราเริ่มใช้งานหลายแอพสลับไปมาและลืมปิดแอพพื้นหลัง จะสัมผัสได้ถึงอาการกระตุกที่เกิดขึ้นเวลาเลื่อนหน้าจอแบบชัดเจน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของสมาร์ทโฟนสเปกระดับเริ่มต้นอยู่แล้วที่ไม่ควรเปิดใช้งานแอพหลายๆแอพพร้อมกัน แต่ฟีเจอร์ต่างๆที่ได้จาก MIUI 12 นั้นเพียงพอต่อการใช้งานให้มีความคล่องตัวได้สบาย
หรือจะเป็นด้านของการเล่นเกมที่ในบางเกมก็สามารถเปิดเฟรมเรตไปได้ถึง 60 fps ก็จริง แต่ในช่วงที่เล่นนั้นจะมีอาการเฟรมเรตตกลงเมื่อต้องเจอกับจำนวนโพลีกอนที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงประมวลผล ซึ่งอาการพวกนี้จะไม่เกิดเมื่อเปิดเล่นเกมเพียงแค่ 30fps เท่านั้น แถมเครื่องจะไม่ร้อนในช่วงเวลาที่เล่นเกมอีกด้วย
แบตเตอรี่ที่มีมาให้เรามากถึง 6,000 mAh ทำให้การใช้งานต่อการชาร์จเพียง 1 ครั้ง อยู่ได้ยาวๆ 2 วันเลย ถ้าไม่เล่นเกม ดูวิดีโอ แต่เมื่อดูวิดีโอหรือเล่นเกมก็ยังเพียงพอที่จะใช้งาน 1 วันได้อย่างสบายๆโดยที่เราไม่จำเป็นต้องหยิบ PowerBank ไปด้วยในเวลาเดินทางเลย และการชาร์จที่ต้องบอกว่า ชาร์จเร็ว 18W นั้นยังต้องใช้ระยะเวลาในการชาร์จแบตเต็มนานกว่า 2 ชั่วโมง อาจเป็นปัญหาในชั่วโมงเร่งด่วนกับช่วงที่แบตจะหมดก็เป็นได้ครับ
- Camera -
ในเรื่องของกล้องหน้าและกล้องหลังไม่มีกันสั่น OIS หรือ EIS ทำให้เวลาถ่ายภาพหรือวิดีโอมือต้องนิ่งจริงถึงจะได้ภาพที่ดี และ HDR จะไม่ทำการเปิดให้เราเองทุกครั้งที่เปิดใช้งานแอพกล้อง อาจเป็นปัญหาของการถ่ายในสมัยนี้ที่เพิ่มความยากให้กับผู้ใช้งานในระดับนึง สำหรับภาพถ่ายสามารถรับชมได้ที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
Selfie
- Verdict -
สำหรับตัวผมแล้ว Redmi 9T นั้นเหมาะสมสำหรับผุ้ใช้งานที่ไม่เน้นเรื่องของการเล่นเกมเป็นหลัก แต่จะเน้นไปที่เรื่องของแบตเตอรี่ที่อึดใช้งานได้ยาวนาน ดูวิดีโอ ฟังเพลง เล่นสังคมออนไลน์เป็นหลักมากกว่า และด้านเกมนั้นเป็นด้านรองลงมา คือเล่นกับเพื่อนที่เครื่องแรงๆด้วยกันได้
จุดสังเกตุที่เห็นได้ชัดของ Redmi 9T นั้นจะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่ให้มาเยอะ มันอึดจริงๆ แต่แลกมากลับระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มที่นานกว่า 2 ชม. และกล้องหลังที่น่าจะมีการปรับปรุงด้าน HDR auto ให้ทำงานได้ดีกว่านี้
