- ซักผ้าในปริมาณที่เหมาะกั
บความจุของถังซัก ตรวจสอบคำแนะนำเกี่ยวกับปริ มาณเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับความจุ ของถังซักต่อการซักผ้าหนึ่งครั้ งจากคู่มือการใช้งาน หากใส่เสื้อผ้าในปริมาณที่ มากเกินไป จะทำให้การทำงานของเครื่องซักผ้ าเสียสมดุลและเสื่อมสภาพเร็วขึ้ น - ไม่ควรซักผ้าติดต่อกันเกินกว่า 2 ครั้งต่อวัน เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องซักผ้
าทำงานหนักจนเกินไป แต่หากจำเป็นต้องใช้งานเครื่ องซักผ้าเกินกว่า 2 ครั้งต่อวัน ควรเว้นระยะเวลาให้เครื่องซักผ้ าได้หยุดพักสักครู่ ก่อนการใช้งานในรอบถัดไป - เปิดประตูเครื่องซักผ้าทิ้งไว้
หลังจากการซักทุกครั้ง เพื่อให้อากาศสามารถไหลเวียนเข้ าไปในถังซักได้สะดวก พร้อมช่วยระบายความชื้นและกลิ่ นที่ไม่พึงประสงค์ออกไป รวมถึงป้องกันการก่อตัวของเชื้ อราที่อาจติดไปกับเสื้อผ้า ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคผิ วหนังหลายชนิด เช่น กลาก เกลื้อน - ทำความสะอาดช่องใส่ผงซั
กฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มด้วยน้ำ อุ่นก่อนการซักในครั้งถัดไป หลังการซักผ้าในแต่ละครั้ง เรามักจะพบกับปัญหาคราบผงซั กฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ ละลายไม่หมดตกค้างอยู่ หากปล่อยไว้นาน ผงซักฟอกจะรวมตัวกั บคราบไคลจากเสื้อผ้าและเกิดเป็ นเชื้อราได้ จึงควรทำความสะอาดให้หมดจดด้ วยการล้างน้ำอุ่น - ทำความสะอาดตัวกรองอย่างสม่ำ
เสมอ เพื่อขจัดสิ่งที่สามารถทำให้ตั วกรองระบายน้ำทิ้งเกิดการอุดตั นออกไป เช่น เส้นผม ใบเสร็จ หรือเศษเหรียญที่อาจลื มเอาออกจากกระเป๋าเสื้ อและกางเกงก่อนนำไปซัก เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิ ภาพในการระบายน้ำออกจากตัวเครื่ องได้ดียิ่งขึ้น - ควรล้างถังซักทุก 1-2 เดือน สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า และทุก 2 สัปดาห์ สำหรับเครื่องซักผ้าฝาบน เพื่อกำจัดเชื้อโรค คราบผงซักฟอก คราบน้ำยาปรับผ้านุ่ม และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อาจก่อปัญหาติดเป็นคราบอยู่
ตามเสื้อผ้าหลังการซักได้ โดยสามารถทำความสะอาดถังซักได้ ง่ายๆ ด้วยการเลือกใช้งานโปรแกรม Tub Clean
นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีนวัตกรรมเครื่