เมื่อเดือนธันวาคมคืบคลานเข้ามาใกล้ เด็กมหาวิทยาลัยหลายคนก็เตรียมนับถอยหลังรอการปิดเทอมช่วงปีใหม่กันเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนจะถึงปีใหม่น้องๆ ทุกคนต้องผ่านการสอบปลายภาคการศึกษากันก่อน หรือบางคนก็กำลังวางแผนการเตรียมตัวสอบเพื่อให้ผ่านฉลุยอยู่ สำหรับคนที่ยังไม่ได้วางแผนก็ถือว่ายังไม่สายเกินไป ลองหยิบอุปกรณ์อ่านหนังสือคู่ใจอย่างแล็ปท็อปของตนเองขึ้นมา แล้วทำตาม 3 วิธีนี้ดูว่าวิธีไหนจะช่วยให้คุณเนื้อหาแน่นปึ้กพร้อมลุยในห้องสอบที่สุด
เปลี่ยนบรรยากาศ อ่านหนังสือในสถานที่ที่ชอบ
การนั่งจดจ่อสมาธิอยู่กับโต๊ะทำงานในบ้านของตัวเอง สำหรับหลายคนอาจไม่เข้าหัว ไม่ใช่เพราะเป็นสภาพแวดล้อมที่อาจจะตึงเครียด หรือเงียบเหงาจนเกินไปเท่านั้น แต่คนที่มีโต๊ะทำงานอยู่ในห้องส่วนตัวอาจจะรู้สึกว่าเตียงนอนน่าดึงดูดมากกว่า รู้ตัวอีกทีก็หลับไปหลายชั่วโมงแล้ว นั่นหมายความว่าคุณควรจะเปลี่ยนสถานที่และอิริยาบถเสียบ้าง ลองหา
คาเฟ่ หรือโคเวิร์กกิ้งสเปซใกล้บ้าน แล้วขนของออกไปเปลี่ยนบรรยากาศดู กาแฟสักแก้ว กับเพลงคลอสบายๆ อาจช่วยให้คุณมีสมาธิพร้อมรับข้อมูล และทำความเข้าใจกับสิ่งที่เรียนไปมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การขนเอกสาร หรือหนังสือจำนวนมากไปข้างนอกอาจจะทุลักทุเล เพราะฉะนั้นควรจะทำเอกสารต่างๆ ให้เป็นไฟล์ PDF พกใส่แล็ปท็อปเพียงเครื่องเดียวก็สามารถไปได้ทุกที่ แถมสมัยนี้แล็ปท็อปมีความบางและเบา พกใส่ถุงผ้าได้ง่ายนิดเดียว แถมคุณยังเป็นคนเดียวที่สามารถใช้ลายนิ้วมือปลดล็อกแล็ปท็อปของคุณได้ ต่อให้ลุกไปซื้อกาแฟ ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าคุณเรียนที่ไหนเรียนอะไร
กรณีที่อยากจะสรุปใจความสำคัญของเนื้อหาเพื่อจะได้อ่านได้ง่ายขึ้นแต่พื้นที่โต๊ะในคาเฟ่น้อยเกินไป แล็ปท็อปบางรุ่นที่เป็นจอสัมผัสก็จะทำให้สามารถจัดการกับเนื้อหา เคลื่อนย้ายไฟล์ แคปหน้าจอได้โดยใช้ปลายนิ้ว ไม่ต้องใช้เม้าส์หรือสมุดจดแยกให้ยุ่งยาก ถ้าหากใช้งานไปนานๆ แล้วแบตเตอรี่ใกล้จะหมด ปัจจุบันสายชาร์จแล็ปท็อปก็ถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และชาร์จได้เร็วขึ้นแล้ว บรรยากาศสบายๆ มีเครื่องดื่ม และอุปกรณ์ที่ใช้ได้คล่องมือ อาจจะทำให้คุณหายเหนื่อย หายเครียด และซึมซับรับข้อมูลได้ดีกว่าเดิมก็ได้
ใช้อุปกรณ์หลากหลายในอีโคซิสเต็มเดียวกันให้อ่านได้สะดวกขึ้น
นักศึกษาเกิน 50% คงเคยถ่ายภาพสไลด์ในห้องเลคเชอร์แทนการจดบันทึกเพื่ออ่านทบทวนกันแล้ว หรืออย่างน้อยหากจดแล้วอ่านไม่เข้าใจ ก็สามารถกลับมาเช็คกับสไลด์ที่ถ่ายไว้ได้ หรือบางคนอาจจะถ่ายภาพจากเลคเชอร์ของเพื่อนที่เรียนเก่งในกรณีที่ตัวเองพลาดข้อมูลสำคัญไป แต่กล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนนั้น แน่นอนว่าไม่ได้ใช้กับการเรียนอย่างเดียว สุดสัปดาห์ไปเที่ยวแหล่งชิคก็ถ่ายรูป อาหารน่ารับประทานก็ถ่ายรูป หรือแม้กระทั่งแชท โซเชียลมีเดีย ก็แคปเจอร์เก็บไว้เต็มเครื่องไปหมดจนภาพสไลด์ที่ถ่ายไว้หาไม่เจอ ชีวิตจะง่ายขึ้นมากถ้าคุณเก็บรูปอย่างมีระเบียบไว้ในแล็ปท็อป โดยเฉพาะคนที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นอีโคซิสเต็มเดียวกัน ทันทีที่เลิกคลาส แค่กับแตะสมาร์ทโฟนเข้ากับแล็ปท็อป หรือเปิดโหมดการเชื่อมต่อ ก็เอารูปที่ถ่ายไว้ส่งลงเครื่องได้เลย จากนั้นก็ตั้งโฟลเดอร์เป็นชื่อวิชา หัวข้อ และวันที่เรียน ให้เรียบร้อย
บางคนระหว่างอ่านหนังสืออาจใช้ข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง เพื่อนอาจแชร์ข้อมูลมาให้ทางแชทในวันที่กำลังอ่านสดๆ ร้อนๆ เลยอยากจะเปิดดูไปด้วย แต่ก็ไม่อยากสลับมองไปมาก็ยุ่งยากไปอีก ดังนั้นถ้ามีดีไวซ์ที่มีฟีเจอร์ที่สามารถแชร์หน้าจอของสมาร์ทโฟนไปบนคอมพิวเตอร์ได้ก็จะลดความยุ่งยากได้ดีขึ้น
คลายข้อสงสัยด้วยการติวกับเพื่อนผ่านทางออนไลน์
หากทำทุกวิถีทางแล้วยังรู้สึกว่าไม่มั่นใจพอที่จะเข้าห้องสอบ แสดงว่าต้องมีรายละเอียดบางอย่างที่คุณอาจยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้ง หรือไม่สามารถทบทวนความจำของตัวเองได้ถนัด อย่าลืมว่าสิ่งที่ดีที่สุดของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยคือ คุณมีเพื่อนที่จะช่วยกันเรียน ช่วยกันอ่านหนังสือได้ สมัยนี้แล้วไม่ต้องนัดเจอกันก็สามารถติวด้วยกันเป็นกลุ่มทางออนไลน์ได้ เพียงตั้งกรุ๊ปกันในแอปฯ หรือฟีเจอร์วิดีโอคอลที่มีมากับเครื่อง ก็สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนจุดที่ไม่เข้าใจ หรือช่วยกันถาม-ตอบ เพื่อให้การอ่านหนังสือสอบสนุกสนานขึ้นก็ได้
ข้อดีของการใช้วิดีโอคอลในยุคนี้ ต่อให้อยู่ในสถานที่อับสัญญาณ หรือว่าจะอยู่ในที่มืดตอนกลางคืน ก็เห็นหน้ากันได้ชัดเจน แถมยังแชร์หน้าจอ แบ่งโน้ตสรุปใจความสำคัญในเครื่องของตนเองให้เพื่อนดูได้อีกด้วย และไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ไหน ถ้ามีแอปฯ เดียวกัน ก็สามารถคอลกันได้ทุกที่ทุกเวลา
วิธีต่างๆ ที่แนะนำไปนี้ แน่นอนว่าสำหรับบางคนอาจจะเวิร์คหรือไม่เวิร์คก็เป็นได้ แล้วแต่วิธีการใช้สมาธิ และการจัดการเรียนของแต่ละคน อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลายคนต้องการใช้ในการอำนวยความสะดวกเหมือนกันก็คือ แล็ปท็อปที่เหมาะสม ช่วยให้การอ่านหนังสือมีความสะดวกสบาย ไร้รอยต่อ ใช้งานที่ไหนก็ได้ อย่าง HUAWEI MateBook 14 ก็เป็นรุ่นหนึ่งที่เหมาะกับนักศึกษา เพราะมีความบางแบบ Ultra Slim และเบาเพียง 1.49 กิโลกรัม มาพร้อมสายชาร์จ Type C 65W อเนกประสงค์ แบบ HUAWEI SuperCharge™ สามารถชาร์จสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ต่างๆ ได้ในสายชาร์จเดียว สามารถเข้าถึงข้อมูลและปลดล็อคเครื่องได้ด้วย Fingerprint Power Button และมีกล้อง Recessed Camera รักษาความเป็นส่วนตัว สามารถทำงานแบบ Multi-screen Collaboration ได้ผ่านฟีเจอร์ Huawei Share เพียงแตะตัวเครื่องเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังวิดีโอคอลผ่าน HUAWEI MeeTime ได้อีกด้วย
HUAWEI MateBook 14 มีวางจำหน่ายในสี Space Grey ในราคา ราคา 25,990 บาท (R5) และราคา 29,990 บาท (R7) โดยสามารถดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่นี่