รีวิว POCO F2 Pro [Redmi K30 Pro] สูตรสำเร็จที่ครบจบ ไม่ว่าใครก็จับต้องได้แห่งปี 2020


POCO ถือเป็นชื่อเรียกของสมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาให้เป็นเรือธงที่คุ้มราคา ในแบบที่ไม่ว่าใครก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ เพราะมีราคาที่ถูกกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงในยุคแบบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว และในวันนี้เราจะมาพูดถึง POCO F2 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงจากค่าย POCO แบรนด์ลูกของทาง Xiaomi ที่ในรอบนี้เป็นการหยิบ Redmi K30 Pro มารีแบรนด์และนำมาจำหน่ายนอกประเทศจีนนั่นเอง. 



สำหรับใครที่ไม่สะดวกอ่าน สามารถรับชมในรูปแบบวิดีโอได้เลยครับ 

- Design - 


POCO F2 Pro มาพร้อมกับดีไซน์หน้าจอแบบเต็มจอไม่มีติ่ง ไม่มีรูใดๆทั้งสิ้น ทำให้การรับชมคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆสามารถรับชมได้แบบเต็มตาสะใจบนหน้าจอ AMOLED 6.67" ในอัตราส่วน 20:9 พร้อมความละเอียดระดับ Full HD ที่รองรับการชมระดับ HDR10+ ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานบนหน้าจอที่อยู่บนมือของเรา 


และกล้องหน้าที่เลือกใช้งานกล้องแบบ Pop-Up พร้อมความละเอียด 20MP f/2.2 คมชัดสะใจสายเซลฟี่อย่างแน่นอน และยังมาพร้อมกับไฟแจ้งเตือนภายในกล้อง Pop-Up อีกด้วย. ซึ่งพอเอาเข้าจริงในการใช้งานแล้วแทยจะไม่เห็นไฟแจ้งเตือนเลย เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่มีไฟแจ้งเตือนอยู่ที่ขอบจอ หรือหน้าจอแสดงผลการแจ้งเตือนขึ้นมาให้เราเห็นเองนั้นถือเป็นอะไรที่มีประโยชน์มากกว่า. 



ขอบเครื่องของ POCO F2 Pro นั้นเป็นอลูมิเนียมถูกเคลือบมาเป็นอย่างดีให้มีความเงาสวยงาม แต่ปัญหาของขอบมันเงาที่เห็นได้ชัดเลยของการถือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานคือ เรื่องของสัมผัสของมือเรากับขอบเครื่องที่พร้อมจะไหลเองได้ตลอดเวลา ต่างจากขอบแบบด้านที่จับได้กระชับ และไม่ต้องการค่อยๆไหลของมือถือเราอีกด้วย 


ถาดใส่ซิมของ POCO F2 Pro มาพร้อมกับช่องใส่ซิมแบบ 2 ช่องด้านหน้า-หลังของถาด ซึ่งไม่สามารถใส่ microSD ได้แบบรุ่นก่อนหน้า แต่ว่าเนื้อที่ภายในเครื่องของเครื่องศูนย์ที่ให้มาถึง 128GB อาจถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานได้สบายๆ ถ้าไม่ใช้งานการถ่ายวิดีโอ หรือโหลดวิดีโอความละเอียดระดับ 4K หรือ 8Kแต่ถ้าใช้งานแบบที่ผมบอกไป แนะนำให้มองหารุ่นอื่นแทนเพราะว่า 128GB อยู่ได้แปปเดียวหมดแน่นอน ถ้าไม่ขยัน Backup.


พอร์ตชาร์จนั้นมาพร้อมกับ USB-C 2.0 เท่านั้น ซึ่งอาจเรียกได้ว่เป็นปกติของสมาร์ทโฟนเรือธงคุ้มราคา เรื่องของการส่งข้อมูลอาจไม่ได้ดีเท่ากับสมาร์ทโฟนเรือธงอย่างแท้จริงที่ใช้งานเป็น USB 3.1 กันในปี 2019 หรือปี 2020. แต่เรื่องของการชาร์จนั้น POCO F2 Pro รองรับการชาร์จไวสูงสุดที่ 30W กับแบตเตอรี่ที่ให้มา 4,700 mAh ทำให้ POCO F2 Pro ใช้เวลาในการชาร์จแบตเต็มเพียง 1 ชม. กับอีก 2-3 นาทีเท่านั้น. และด้านข้างของพอร์ตชาร์จนั้นจะมี ไมโครโฟนอยู่ 1 ตัว และลำโพงเดี่ยว. 


ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับพอร์ต Audio Jack 3.5มม. ถูกใจสายฟังเพลงแน่นอน และด้านข้างของพอร์ตแจ็คเองนั้นจะมีไมโครโฟนอีก 1 ตัว รวมกันแล้ว POCO F2 Pro นั้นมีไมโคณโฟนอยู่เพียง 2 ตัวเท่านั้น และด้านข้างของกล้องนั้นมาพร้อมกับ IR Blaster อีกหนึ่งเซ็นเซอร์ไม้ตายของ Xiaomi เลยก็ว่าได้ ถือว่ามีประโยชน์มากๆ ไม่ว่าจะใช้เปิดแอร์เปิดทีวี เปิดอะไรอีกมากมายภายในบ้านก็สามารถใช้งานได้ครบหมด โดยที่เราเองนั้นไม่ต้องเดินหารีโมทภายในห้องอีกต่อไป.


ด้านหลังของตัวเครื่องมาพร้อมกับฝาหลังด้าน จับถนัดมือที่มีความทนทันสูงด้วย Gorilla Glass 5 แบบเดียวกับที่ใช้งานบนหน้าจอด้านหน้าเลย หายห่วงเรื่องเป็นรอยได้สบายๆ และกล้องหลังที่มีมาให้ด้วย กัน 4 กล้อง คือ
  1. 64MP f/1.9, 26mm, 0.8µm การันตีคามดีงามด้วยชื่อ Sony IMX686
  2. 5MP f/2.2 50mm, 1.12µm ถ่ายวัตถุใกล้สุดระยะ 3ซม.
  3. 13MP f/2.4, 123˚, 1.12µm 
  4. 2MP f/2.4, 1.75µm ทำหน้าที่วัดระยะ 
และมีแฟลชกล้องหลังมากถึง 3 ดวง พร้อมรบในที่มืดๆได้สบาย 

- User Experience -


การทำงานของ POCO F2 Pro มาพร้อมกับ MIUI 12 ครอบทับด้วย Android 10 เวอร์ชั่นล่าสุดของ Xiaomi แต่ข้อที่แตกต่างระหว่างสมาร์ทโฟนของ POCO กับ Xiaomi และ Redmi คือเรื่องของ Launcher ที่ทาง POCO มีการเปลี่ยนมาใช้งานเป็น POCO Launcher ข้อดีเหนือกว่า MIUI ทั่วไปคือสามารถปรับแต่งไอคอนได้ง่ายกว่า ด้วยการโหลดไอคอนจาก Play Store มาติดตั้งก็ยังได้ หรือจะเป็นหน้าต่าง App Drawer ที่มีการแบ่งหมวดหมู่ของแอพต่างๆพร้อมใช้และสะดวกต่อการหาได้อย่างง่ายดาย 


ส่วนแอพอื่นภายในเครื่องหรือว่า UI ต่างๆนั้นยังคงเป็น MIUI ทั้งหมดไม่มีความแตกต่างกับสมาร์ทโฟนที่เป็นแบรนด์ Xiaomi และ Redmi เลย. ซึ่งถ้าเกิดผู้ใช้งานอยากลอง POCO แบบเต็มๆนั้นง่ายมาก เพียงแค่ดาวน์โหลด POCO Launcher ผ่าน Play Store มาใช้งานก็สามารถได้ประสบการณ์การใช้งานแบบเดียวกันในทุกด้าน. 


การสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคถือว่าทำงานได้อย่างรวดเร็วมาก และอยู่ในตำแหน่งที่พอดีกับนิ้วโป้งเวลาเราเอื้อมเลย ซึ่งถ้าใครไม่สะดวกใช้งานสแกนลายนิ้วมือนั้นก็สามารถใช้งานสแกนใบหน้าแบบ 2มิติ ผ่านกล้องหน้าแทนได้อีกเช่นกัน มีครบทุกด้านความปลอดภัยในแบบที่ควรมีครบ. 



การเล่นเกมด้วย POCO F2 Pro เป็นอะไรที่ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะเล่นไม่ได้ เพราะว่ามาพร้อมกับ Qualcomm Snapdragon 865 เรือธงช่วงต้นปีของ Qualcomm ที่เอาอยู่ในทุกเกม แต่ปัญหาของการเล่นเกมด้วย POCO F2 Pro นั้นจะเป็นเรื่องของความร้อนมากกว่า ที่ตัวเครื่องนั้นมีร้อนเร็วแบบเห็นได้ชัดสำหรับการเล่นเกมที่มีกราฟิกที่สูงเช่น DotA Underlords และ Fortnite. แต่ถ้าเล่นเกม Call of Duty Mobile หรือ ROV พวกนี้เล่นได้สบายๆไม่ต้องพะวงเรื่องความร้อนเลย. 


และสุดท้ายคือ แบตเตอรี่ที่ให้มา 4,700 mAh นั้นเป็นอะไรที่น่าประทับใจมาก ไม่ต้องพะวงเรื่องแบตเตอรี่จะหมดภายในหนึ่งวันของการใช้งานเลย อึดสะใจอย่างแน่นอน เพราะการจับคู่ด้วยหน้าจอแบบ AMOLED ที่กินไฟน้อย และความสว่างที่สว่างสูงสุดเพียงแค่ 500 nits เท่านั้นทำให้เปิดหน้าจอสว่างสุดก็ไม่กินแบตมากอย่างที่ควร แต่ข้อเสียคือการสู้แดดที่อาจจะทำได้ไม่เหมือนกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงทั่วๆไป แต่ถือว่าทำได้ดีมากสำหรับสมาร์ทโฟนที่สเปคครบ คุ้มราคา. 

- Camera - 



เรื่องสุดท้ายที่เราคงไม่พูดไม่ได้เลย และเป็นปัจจัยของการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนไปแล้วคือเรื่องของกล้องที่ POCO F2 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ ถ่ายสนุกทั้งระยะทั่วไป เลนส์ไวด์ และมาโคร. ส่วนการถ่ายวิดีโอที่มาพร้อมกับการถ่ายความละเอียดสูงสุดที่ 8K แต่ถ้าเน้นใช้งานจริงแบบไม่พึ่งกันสั่นแล้วละก็จะทำงานได้ดีเพียงแค่ Full HD 30 fps เท่านั้น. สำหรับภาพถ่ายของ POCO F2 Pro จะเป็นยังไงก็ลองไปรับชมกันครับ 


































Front Camera




สำหรับใครที่สนใจ POCO F2 Pro สามารถไปช็อปกันได้ผ่านทาง Lazada และ Shopee หรือตามร้านค้าชั้นนำกันได้เลย. โดยส่วนตัวผมชอบนะ ใช้งานจบได้ในเครื่องเดียว ถ้าใครที่เน้นสเปคจัดในราคาไม่แรง ตัวนี้คือ 1 ตัวเลือกที่คุ้มสุดๆไปเลย.

ใหม่กว่า เก่ากว่า