สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดทั่วโลกของโควิด-19 การเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรมได้เข้าสู่ระยะการพัฒนาครั้งใหญ่ จะสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งและศักยภาพที่สูงในการเติบโตของตลาด การเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลนี้จะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมทั้งในแง่โมเดลการจัดการของภาครัฐ โมเดลธุรกิจของอุตสาหกรรมแนวดิ่ง ทั้งยังช่วยเสริมศักยภาพการผลิตและการให้บริการ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ทิศทางของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในหลายๆ อุตสาหกรรมจะมีลักษณะอย่างไร จะเปลี่ยนผ่านในลักษณะไหน และหัวเว่ยจะสามารถสร้างข้อได้เปรียบให้กับลูกค้า ธุรกิจ องค์กรให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจได้อย่างไร กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ยจึงได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางอุตสาหกรรมและความท้าทายต่างๆ ที่บริษัทกำลังเผชิญแก่บรรดานักวิเคราะห์และสื่อมวลชนจากทั่วโลกภายในงานประชุมสุดยอด Huawei Global Analyst Summit 2020 (HAS 2020) พร้อมสานต่อความร่วมมือกับพันธมิตรในการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลภาคอุตสาหกรรม และช่วยให้ลูกค้าสามารถเร่งขับเคลื่อนกระบวนการอัจฉริยะและการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นายเผิง จงหยาง ประธานกรรมการบริหารบอร์ด และประธานกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ย กล่าวว่า “ปี พ.ศ. 2562 เป็นปีที่เรียกได้ว่าไม่ราบรื่นและยากลำบากสำหรับหัวเว่ย อย่างไรก็ตาม เราฟันฝ่าทุกอุปสรรคผ่านความแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อลูกค้าและการสรรค์สร้างคุณค่าใหม่ๆ ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมและศักยภาพที่สั่งสมมากว่า 30 ปี เราเข้าใจในความต้องการของลูกค้าและภาคอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง หัวเว่ยได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์และโซลูชัน ICT ที่เปี่ยมประสิทธิภาพในหลากหลายสายผลิตภัณฑ์ นั่นเป็นเหตุผลที่ลูกค้าหลายรายเลือกหัวเว่ยเป็นพาร์ทเนอร์สำหรับการเปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิทัล ความสำเร็จของหัวเว่ยเป็นผลมาจากการลงทุนมหาศาลของเราในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และนวัตกรรมที่ต่อเนื่อง ด้วยทีม R&D ที่แข็งแกร่งถึง 90,000 คน เราพร้อมบุกตลาดของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และพัฒนาโซลูชันเฉพาะตามแต่ละสถานการณ์สำหรับภาครัฐและลูกค้าธุรกิจองค์กรในยุคดิจิทัลนี้เราจะยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกฝ่ายเพื่อสร้างอีโคซิสเต็มที่เข้มแข็ง โดยหัวเว่ยมุ่งมั่นในการเป็นพาร์ทเนอร์ที่ลูกค้าเลือก เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และสร้างรากฐานอันมั่นคงในยุคดิจิทัลร่วมกัน”
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอก แต่หัวเว่ยมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายอันท้าทายใหม่ ๆ ได้ โดยการพัฒนาและการนำเทคโนโลยี ICT ที่เป็นหนึ่งอันเดียวกันมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น 5G, AI, หรือการประมวลผลบนระบบ Cloud ซึ่งช่วยเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมแนวดิ่ง นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังทำให้ภาครัฐและธุรกิจองค์กรทั่วโลกเข้าใจถึงความสำคัญของเทรนด์การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง และพลังของศักยภาพโลกดิจิทัลจึงเป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน
นายชิว เหิง ประธานฝ่ายการตลาดระดับโลก (global marketing) กลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ย ได้ชี้แจงถึงผลประกอบการธุรกิจและเป้าหมายของกลุ่มธุรกิจหัวเว่ยเอนเตอร์ไพรส์ ในปี พ.ศ.2562 ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “นำดิจิทัลสู่ทุกองค์กร – Bring Digital to Every Organization” ไว้ว่าผลจากการสนับสนุนของลูกค้าและกลุ่มพาร์ทเนอร์ทั่วทุกมุมโลก ทำให้กลุ่มธุรกิจหัวเว่ยเอนเตอร์ไพรส์มียอดขายมากกว่า 89.7 ล้านหยวนในปี พ.ศ.2562 ซึ่ง 86% มาจากพาร์ทเนอร์ โดยหัวเว่ยให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจองค์กรมากกว่า 50,000 แห่งทั่วโลก
ยิ่งไปกว่านี้ บริษัทชั้นนำกว่า 228 แห่งจาก Fortune Global 500 และอีก 58 แห่ง จาก Fortune Global 100 ได้เลือกหัวเว่ยและกลุ่มพาร์ทเนอร์ของหัวเว่ยให้เข้ามามีส่วนร่วมในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล หัวเว่ยได้ช่วยดำเนินการในเรื่องนี้ ครอบคลุมทั้งด้านการเงิน, การคมนาคม, การผลิต, พลังงานไฟฟ้า, การศึกษา และการสาธารณสุขให้แก่ธุรกิจองค์กรมากกว่า 1,800 แห่ง ในอนาคต หัวเว่ยจะยังคงยืนหยัดสนับสนุนความสำเร็จทางธุรกิจของกลุ่มลูกค้าโดยการเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในระดับภาคอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนการปฏิรูปแคมปัสและศูนย์กลางข้อมูล รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์หลักที่ล้ำสมัยพร้อมกันไปด้วย
หัวเว่ยยังได้ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลในอุตสาหกรรมคมนาคมมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ด้วยการผสานเทคโนโลยี 5G, AI และ ICT ภายในอุตสาหกรรมอย่างสมบูรณ์แบบ หัวเว่ยได้มีส่วนช่วยกลุ่มลูกค้าด้านคมนาคม โดยปรับปรุงเรื่องความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการยกระดับประสบการณ์ในทุกด้าน
นายเซียง สี รองประธานกลุ่มธรุกิจการคมนาคมขนส่งระดับโลก (Global Transportation) ของหัวเว่ย ได้แบ่งปันประสบการณ์ของหัวเว่ยในภาคอุตสาหกรรมคมนาคม ไว้ว่า “ด้วยอุตสาหกรรมคมนาคมที่จะผสานเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้นในอนาคต หัวเว่ยจะยังคงร่วมมือกับอีโคซิสเต็มของกลุ่มพาร์ทเนอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างระบบคมนาคมที่เป็นองค์รวมและครอบคลุม โดยเน้นแนวคิด “หนึ่งอัตลักษณ์สำหรับการเดินทาง หนึ่งรูปแบบสำหรับการจัดการขนส่ง และหนึ่งสมองเพื่อการปฏิบัติการและการควบคุม (One ID for Travel, One Order for Logistics, and One Brain for Operations and Supervision)”
สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมบริการทางการเงินนั้น มุ่งมั่นไปสู่ “ดิจิทัล ความชาญฉลาด และการเปิดกว้างอย่างเต็มรูปแบบ” และเนื่องด้วยเหตุการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น อุตสาหกรรมบริการทางการเงินจึงยิ่งมั่นใจและมุ่งมั่นที่จะนำรูปแบบการปฏิบัติการแบบดิจิทัลมาปรับใช้ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมบริการทางการเงินยังระบุข้อได้เปรียบและมูลค่าของ
การปฏิบัติการแบบดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีใหม่อีกด้วย
นายวินเซนต์ เฉิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีกลุ่มธุรกิจการให้บริการทางการเงินระดับโลก (Global Financial Services) ของหัวเว่ย กล่าวว่า หัวเว่ยจะยืนหยัดยกระดับนวัตกรรมทางเทคโนโลยี พร้อมทั้งหลักปฏิบัติที่สำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เพื่อช่วยสถาบันการเงินต่างๆ ดำเนินการด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจ เช่น การเงินแบบครอบคลุม รวมถึงนวัตกรรมธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและ open banking หรือแนวคิดที่ธนาคารยินยอมเปิดเผยข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าให้กับภาคส่วนอื่น (third-party) เพื่อรองรับการบริการทางการเงินที่มั่นคง ปลอดภัย และรวดเร็วในส่วนของอุตสาหกรรมพลังงานนั้นกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ เช่น การปฏิรูปพลังงาน ความต้องการลดปริมาณคาร์บอน ความปลอดภัยทางพลังงาน และปฏิกิริยาที่เกิดจากการใช้พลังงานอันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนายเซีย เหวินป๋อ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลกของ Huawei EBG เชื่อว่าความท้าทายเหล่านี้จะช่วยเร่งให้อุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงและยกระดับตัวเองได้เร็วขึ้น
“หัวเว่ยจะทำงานร่วมกับลูกค้าในอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมการใช้การประมวลผลคอมพิวเตอร์แบบ Cloud, Big Data, เทคโนโลยี 5G และ AI ในอุตสาหกรรม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (power grid) จะทำงานได้อย่างปลอดภัยและเสถียร พร้อมทั้งสนับสนุนการเข้าถึงพลังงานในระดับมหภาคแบบใหม่ และปรับปรุงความมีประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติการ ยิ่งไปกว่านั้น การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ยังจะช่วยพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ และเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย” นายเซีย เหวินป๋อกล่าว
ในอนาคต หัวเว่ยจะสร้างรากฐานทางดิจิทัลให้แก่ประเทศไทย รวมถึงวางแก่นสำหรับโลกดิจิทัลบนพื้นฐานแนวคิด “การเชื่อมต่อแบบใหม่ การประมวลผลคอมพิวเตอร์แบบใหม่ แพลตฟอร์มแบบใหม่ และอิโคซิสเต็มแบบใหม่” อีกด้วย