เครือข่าย 5G ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความเร็วที่เร็วกว่า 4G เท่านั้น แต่ในเรื่องของ IoT (Internet of Things) ที่ปรากฏให้เห็นกันมากขึ้นในปัจจุบัน โดยหลายๆ อุตสาหกรรมต่างพากันขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี 5G ไม่ว่าเป็นรถยนต์ไร้คนขับ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ หุ่นยนต์ หรือ AI ที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน และเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานในภาคธุรกิจอย่างสิ้นเชิง ซึ่งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกับสุดยอดคลื่นความถี่ 5G นั้นจะนำมาซึ่งเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนวิถีการทำงาน และความเป็นอยู่ของเราไปได้อีกไกล
ติดต่อสื่อสารไร้สายกันได้แบบเรียลไทม์บนดีไวซ์หลากหลายรูปแบบ
เทคโนโลยี 5G ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้นหนึ่ง ช่วยให้การเชื่อมต่อแบบไร้สายทำได้อย่างรวดเร็ว เสถียรและมีศักยภาพ จากการคาดการณ์ของไอดีซี (IDC) ระบุว่าการให้บริการ 5G จะเริ่มต้นขึ้นทั่วโลกในช่วงต้นปี 2019 และจะแพร่หลายอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2021 ถึง 2023 โดยเทคโนโลยี 5G สามารถขจัดอุปสรรคในด้านการสื่อสารต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการประยุกต์ใช้งานในทุกอุตสาหกรรม รวมถึงการดำเนินชีวิตของคนยุคปัจจุบัน เช่น การทำงานได้เร็วขึ้นโดยการแชร์ และแก้ไขข้อมูลร่วมกันกับผู้อื่นแบบเรียลไทม์ การเชื่อมต่อการทำงานระหว่างสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้าน หรือสมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ เช่น หูฟัง แท็บเล็ต สมาร์ทวอทซ์ เป็นต้น ขณะที่ในทางการแพทย์ ก็ใช้ 5G ในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินจากทางไกลเช่นกัน การเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเช่นนี้ นับเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้านดิจิทัลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ภายใต้การทำงานบนเครือข่าย 5G ที่มาพร้อมกับความสามารถของแบนด์วิดท์ที่สูงขึ้น และความหน่วงเวลาที่ต่ำยังทำให้การถ่ายทอดสตรีมมิ่งวิดีโอเป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่สะดุด ทั้งยังสามารถดาวน์โหลดข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ภายในพริบตาอีกด้วย จึงเห็นได้ว่าทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคธุรกิจ หรือภาคประชาชนต่างก็ต้องการเทคโนโลยีที่มีความเร็วสูงในระดับ 5G เป็นพื้นฐานทั้งสิ้น
ยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของการทำงาน AI
AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ทำงานโดยมีหลักการในการสร้างการเรียนรู้ พัฒนาและคิดหาทางจัดการในหลายๆ วิธี ซึ่ง 5G จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อทำให้ AI สามารถจัดการกับเครือข่ายที่ซับซ้อนมากขึ้น และจัดการผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ความสามารถในการถ่ายภาพของกล้องสมาร์ทโฟนในปัจจุบันที่มีการนำ AI ที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างชาญฉลาดและจดจำข้อมูลการใช้งานมาใช้มากขึ้น เป็นการพัฒนาในเชิงของลูกเล่น ฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การจับภาพของวัตถุหรือคนที่กำลังเคลื่อนไหว หรือการเลือกภาพและวิดีโอที่ดีที่สุดโดยใช้ AI และระบบกันสั่นที่ไม่ว่าซูมไกลแค่ไหนก็ไม่ทำให้เสียรายละเอียดของภาพ รวมถึงการช่วยวิเคราะห์ซีนขณะที่กำลังถ่ายภาพ พร้อมทำการปรับสมดุลของสีให้เหมาะสมที่สุด เป็นต้น
ปฏิวัติการท่องอินเทอร์เน็ตในแบบเดิมๆ
ความเร็วของการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้น จะช่วยดึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการรองรับจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยเครือข่าย 5G นั้นมีความเร็วมากกว่า 4G ถึง 20 เท่า ซึ่งเร็วมากพอที่จะดูวิดีโอ 8K ออนไลน์แบบ 3 มิติ หรือดาวน์โหลดภาพยนตร์ 3 มิติ ได้ในภาย 6 วินาที เพลิดเพลินไปกับคุณภาพความคมชัดของทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ รวมถึงเล่นเกมส์ออนไลน์ได้ไม่มีสะดุด สามารถเข้าถึงความบันเทิงบนโลกออนไลน์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
และหนึ่งในดีไวซ์ยุค 5G ที่จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งาน 5G ให้สมบูรณ์แบบ ปัจจุบันมีพร้อมแล้ว กับ HUAWEI nova 7 SE สุดยอดสมาร์ทโฟน 5G แห่งยุค สเปคแรงคุ้มราคา พร้อมฟีเจอร์แน่น จัดเต็มด้วยกล้องหลัง AI สี่ตัวมาพร้อมสเปกระดับท้อปด้วย RAM 8 GB และ ROM ความจุ 128 GB และชิปเซ็ต 820 5G SoC ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งผสมผสาน CPU แบบ octa-core ของสมาร์ทโฟนเข้ากับโมเด็ม 5G ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รองรับฟีเจอร์ GPU Turbo รุ่นใหม่ มีเกมมากกว่า 30 เกมให้ได้เล่น ไม่ว่าจะเป็น PUBG, Fortnite, ROV และอีกมากมาย ช่วยให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล เฟรมไม่กระตุกไปตลอดทั้งวัน มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh และเทคโนโลยี 40W HUAWEI SuperCharge ที่สามารถชาร์จพลังงานได้ถึง 70% ภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง อีกทั้งยังโดดเด่นด้วย 4 กล้องหลังอัจฉริยะ ช่วยบันทึกทุกความประทับใจจากทั้งถ่ายภาพและวิดีโอให้ภาพดูสวยสมจริงเป็นธรรมชาติ ประกอบไปด้วยกล้องความละเอียดสูงสุด 64MP กล้องเลนส์กว้างพิเศษ 8MP กล้องเลนส์วัดระยะ 2MP และกล้องเลนส์มาโคร 2MP ขณะที่กล้องหน้ามาพร้อมกับโหมด Super Night Selfie 2.0 ให้ความละเอียดสูงถึง 16MP และรองรับการถ่าย VDO ความละเอียดระดับ 4K ที่มาพร้อมไฮไลท์อย่างโหมดการถ่ายวีดีโอ “DUAL-View” ที่สามารถถ่ายวิดีโอพร้อมกันได้ด้วยสองเลนส์ เพลิดเพลินไปกับการถ่ายกล้องหน้าพร้อมกล้องหลัง หรือกล้องเลนส์กว้างพิเศษพร้อมเลนส์หลัก ให้ภาพที่สวยงาม คมชัดในทุกรายละเอียดทั้งภาพถ่าย และภาพวิดีโอ
นอกจากนี้ สมาร์ทโฟน HUAWEI nova 7 SE ยังมีฟังก์ชั่น HUAWEI Share รองรับการเชื่อมต่อหน้าจอ (multi-screen sharing) ระหว่างสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยที่ใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 กับสมาร์ทดีไวซ์ของหัวเว่ยเพียงแค่ One Tap ก็สามารถแชร์ไฟล์ รูปภาพ วิดีโอและข้อมูล ให้สามารถเข้าถึงและแก้ไขไฟล์ต่างๆ บนสมาร์ทดีไวซ์ที่ถนัดได้อย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย ตอกย้ำกลยุทธ์อีโคซิสเต็ม 1+8+N ของหัวเว่ย ที่ใช้สมาร์ทโฟนเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อกับสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดย 1 หมายถึงสมาร์ทโฟน, 8 หมายถึง สมาร์ทดีไวซ์อื่น ๆ เช่น โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต นาฬิกาสมาร์ทวอทซ์ หูฟัง เป็นต้น ในขณะที่ N หมายถึงอุปกรณ์ IoT อีโคซิสเต็มของหัวเว่ย ที่หัวเว่ยต้องการให้อุปกรณ์ทุกชิ้นเชื่อมต่อกันได้อย่างครบวงจร โดย HUAWEI nova 7 SE 5G พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ในราคาเพียง 11,990 บาท และเปิดพรีออเดอร์ ตั้งแต่วันที่ 12 – 21 มิถุนายนนี้ พร้อมของสมนาคุณพิเศษรวมมูลค่ากว่า 4,667 บาท ณ หัวเว่ย แบรนด์ช้อป หัวเว่ย ออนไลน์ สโตร์ หรือร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ.